กองทัพไทยกับการสงครามโดยใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง
( Thai Armed
Forces and Network Centric Warfare )
โดย พันเอก
ฤทธี อินทราวุธ
รองผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีทางทหาร
“ หากรู้เขารู้เรา แม้นรบกันตั้งร้อยครั้ง ก็ไม่มีอันตรายอันใด
ถ้าไม่รู้เขาแต่รู้เพียงตัวเรา แพ้ชนะย่อมก้ำกึ่งอยู่
หากไม่รู้ในตัวเขาตัวเราเสียเลย
ก็ต้องปราชัยทุกครั้ง ที่มีการยุทธ์นั้นแล ”
ซุนวู
( Sun Tzu )
ซุนวู ( Sun Tzu ) นักปราชญ์ชาวจีน และ นักยุทธศาสตร์ทหาร ในยุค
๔๐๐ ปี ก่อนคริสตกาล หรือ ประมาณ ๒๔๐๐ ปีมาแล้ว ได้ให้ทัศนะเชิงปรัชญาถึง ความสำคัญของข้อมูลข่าวสาร ( Information ) ซึ่งก่อให้เกิดความได้
เปรียบ เสียเปรียบอย่างชัดเจน ดังคำกล่าวที่มักจะได้ยินได้ฟังกันอย่างคุ้นหูว่า
“ รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง ” และในยุคปัจจุบันหากสามารถจะบริหารจัดการข้อมูลข่าวสารดังกล่าว
ให้มีความถูกต้อง ทันสมัย รวดเร็ว และเกิดประสิทธิภาพในการนำมาใช้ประโยชน์ได้มากที่สุด
ก็จะยิ่งสร้างความได้เปรียบอย่างมหาศาล ดังที่หลายคนเคยกล่าวว่า “
ผู้ใดครอบครองข้อมูล ผู้นั้นจะครองโลก ” ซึ่งปัจจัยที่เป็นโครงสร้างพื้นฐาน ( Infrastructure ) ในการบริหารจัดการข้อมูลข่าวสารที่สำคัญหลัก ก็คือ เครือข่าย ( Network ) นั่นเอง
ดังนั้น ในยุคปัจจุบันแทบจะทุกองค์กรซึ่งเป็นองค์กรสมัยใหม่
ทั้งภาครัฐ และธุรกิจเอกชน ต่างหันมาให้ความสนใจกับคำว่า
การใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง ( Network Centric ) กันอย่างกว้างขวาง ทั้งนี้เนื่องมาจากความเจริญก้าวหน้าของการพัฒนาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
และเครื่องมือสื่อสารต่างๆ รวมทั้งความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเครือข่าย ที่ทำให้การเชื่อมต่อ
และการสื่อสารระหว่างองค์กร และบุคคล เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สะดวก
และรวดเร็วทันเวลา
ด้านวงการการทหาร การสงครามโดยใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง
( Network Centric
Warfare ) เป็นแนวคิดการทำสงครามโดยใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง ประกอบกับการประยุกต์ใช้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
สนับสนุนให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางทหารทั้งภายใน และระหว่างหน่วยทหาร ทั้งระดับยุทธวิธี
ยุทธการ และยุทธศาสตร์ เพื่ออำนวยให้ข้อมูลข่าวสาร ภาพสถานการณ์ และคำสั่งการผ่านการสื่อสารได้อย่างรวดเร็ว
ทั่วถึง ที่สำคัญจะช่วยให้ผู้บังคับบัญชาสามารถวิเคราะห์ ประมาณสถานการณ์ และตัดสินใจดำเนินกลยุทธ์ได้อย่างถูกต้อง
แม่นยำ ทันเวลา และทันการ อันจะก่อให้เกิดความได้เปรียบในการทำสงคราม
กองทัพสหรัฐฯ นับว่าเป็นประเทศแรก
ที่ได้นำเสนอแนวความคิดการทำสงครามโดยใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง ( Network Centric Warfare ) มาใช้ในการพัฒนากองทัพ ตั้งแต่เมื่อประมาณ
๑๗ ปีที่แล้ว ( พ.ศ. ๒๕๓๙ ) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติการทางทหารต่าง
ๆ ด้วยการต่อเชื่อมระบบต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน และกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ
ได้เผยแพร่แนวความคิดในการพัฒนากองทัพให้มีขีดความสามารถในการทำการรบ โดยใช้ระบบศูนย์กลางเครือข่าย
( Network Centric ) ซึ่งมีหลักการทำงานดังนี้
คือ การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงาน (
Data Exchange ) การตระหนักรู้ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นร่วมกัน ( Shared Situation
Awareness ) การปฏิบัติการที่ประสานสอดคล้องมีความรวดเร็วในการสั่งการและควบคุมบังคับบัญชา
( Co-operations ) และการปฏิบัติการที่มีประสิทธิภาพ
( Efficiency Operations )
การพัฒนาทางการทหารที่นำไปสู่
สงครามที่ใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง มีที่มาจากอิทธิพลของการพัฒนาระบบเศรษฐกิจ เทคโนโลยีสารสนเทศ การดำเนินการธุรกิจ และ แนวคิดเรื่อง
องค์กรสมัยใหม่ ทั้งนี้มีความเชื่อมโยงของประเด็นหลักๆ ๓ ประเด็น คือ
๑. การเปลี่ยนกระบวนทัศน์จาก การรวมศูนย์สั่งการไปสู่ใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง ( Unified
Command to Network Centric
)
๒ การเปลี่ยนกระบวนทัศน์จาก
การมีอิสระในตัวเอง
เป็นการเป็นส่วนหนึ่งที่ต้องปรับตัวอย่างต่อเนื่องในระบบที่เป็นพลวัติ ( Freedom to Dynamic
Adaptation )
๓. ความสำคัญของการเลือกทางยุทธศาสตร์
ที่มีการปรับตัวหรือเพื่อสร้างความอยู่รอดจากผลของการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม ที่แม้แต่เป็นเรื่องเล็กน้อย
ซึ่งอาจส่งผลอย่างใหญ่หลวง ( Environment Adaptation )
กองบัญชาการกองทัพไทย มีแนวความคิดใน การสงครามโดยใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง
( Network Centric Warfare ) โดยได้จัดตั้ง ศูนย์บัญชาการทางทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ขึ้นมา เพื่อบูรณาการระบบควบคุมบังคับบัญชา
( C4I ) ของเหล่าทัพต่างๆ คือ กองทัพบก
กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาชั้นสูงสามารถมองเห็นข้อมูลและภาพสถานการณ์ในเวลาเดียวกัน
เพื่อการตกลงใจ และสั่งการปฏิบัติได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และทันเวลา โดยวางระบบเครือข่ายไปยังศูนย์ปฏิบัติการ
( ศปก. ) ของแต่ละเหล่าทัพ ซึ่งแนวคิดดังกล่าว เป็นเพียง การรวมศูนย์สั่งการ ( Unified Command ) ไปยังเหล่าทัพ
โดยที่แต่ละเหล่าทัพยังไม่สามารถรับรู้ข้อมูลและสถานการณ์ร่วมกันได้
เนื่องจากระบบควบคุมบังคับบัญชา ( C4I ) ของแต่ละเหล่าทัพมีความแตกต่างกัน
ยกเว้นระบบสื่อสารและระบบการประชุมทางไกล ( Video Telephone Conference :
VTC )
กองทัพอากาศ ได้กำหนดวิสัยทัศน์ ( Vision ) และจัดทำแผนการพัฒนาเพื่อนำไปสู่กองทัพอากาศชั้นนำในภูมิภาค
( One of The Best Air Forces in ASEAN ) โดยกำหนดยุทธศาสตร์กองทัพอากาศ
ในระยะ ๑๐ ปี ตั้งแต่ ๒๕๕๒-๒๕๖๒ แบ่งการพัฒนาออกเป็น ๓ ระยะ คือ
ระยะที่ ๑ ปี ๒๕๕๒-๒๕๕๔
เป็นการมุ่งนำเอาเทคโนโลยีกำลังทางอากาศ และเทคโนโลยีสารสนเทศ มาเป็นเครื่องมือในการเตรียมกำลัง
และใช้กำลังทางอากาศ เพื่อก้าวสู่การเป็น กองทัพอากาศยุคดิจิตอล ( Digital
Air Force ) และเพื่อพัฒนากองทัพอากาศไทยไปสู่เครือข่าย ตามแผนโครงสร้างพื้นฐานการพัฒนาสู่
การปฏิบัติการที่ใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง ( Network Centric Operations : NCO )
ระยะที่ ๒ ปี ๒๕๕๕-๒๕๕๘
เป็นการพัฒนากองทัพอากาศไปสู่ กองทัพอากาศที่ใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง ( Network
Centric Air Force ) มีขีดความสามารถในการปฏิบัติการรบและการปฏิบัติการที่มิใช่การรบ
เพื่อตอบสนองต่อภัยคุกคามในทุกรูปแบบ รวมถึงภัยคุกคามรูปแบบใหม่ในยุคสงครามที่ใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง
( Network Centric Warfare : NCW )
ระยะที่ ๓ ปี ๒๕๕๙-๒๕๖๒
กองทัพอากาศจะมีขีดความสามารถในการใช้เทคโนโลยีดิจิตอล และแนวคิดการปฏิบัติการใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง
( Network Centric Operations : NCO ) ในการปฏิบัติการรบและปฏิบัติการที่มิใช่การรบ
เพื่อตอบสนองต่อภัยคุกคามในทุกรูปแบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กองทัพเรือ
กับการพัฒนาสู่การสงครามที่ใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง ( Network Centric
Warfare ) นับว่าอยู่ในขั้นตอนที่กำลังดำเนินการอย่างเร่งด่วน
โดยที่ผ่านมาได้มีการพัฒนาองค์ความรู้ และโครงสร้างพื้นฐานอย่างเป็นขั้นตอน เป็นระบบ
และสอดคล้องกับเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วโดยมีการพัฒนาแบ่งเป็น ๓ ลักษณะ
ดังนี้
๑.
การพัฒนาด้านองค์บุคคล โดยการฝึกอบรม สัมมนา ความรู้
และการสร้างความตระหนักด้านการรักษาความปลอดภัยระบบสารสนเทศ
๒. การพัฒนาด้านการบริหารจัดการ โดยการพัฒนาปรับปรุงเครื่องมือให้สอดคล้องกับความต้องการทางยุทธการและด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
และการจัดตั้งศูนย์ประสานงานสงครามสารสนเทศ
๓. การพัฒนาด้านการควบคุมบังคับบัญชาและเทคโนโลยีสารสนเทศ
โดยการปรับปรุงระบบสื่อสารและการควบคุมสั่งการ และการพัฒนาด้านสงครามไซเบอร์ ( Cyber Warfare )
กองทัพบก เริ่มมีแนวความคิดด้าน
การสงครามที่ใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง ( Network Centric Warfare ) โดยได้ประกาศให้ปี ๒๕๕๗ เป็น “ ปีแห่งการเตรียมความพร้อมกองทัพบกไปสู่อนาคต
” และกำหนดทิศทางการพัฒนากองทัพบก ให้มีความพร้อมสู่อนาคต
ในด้านความทันสมัย ด้วยเทคโนโลยี โดยให้ทุกสายงานพิจารณานำเทคโนโลยีที่เหมาะสม
มาใช้ในกระบวนการทำงาน หรือพัฒนาหน่วยงาน เพื่อให้มีความทันสมัย ทั้งด้านบุคลากร
เครื่องมือ สถานที่ มุ่งสู่การเป็นกองทัพที่ทันสมัย มีมาตรฐานในระดับสากล
และเป็นที่ยอมรับของมิตรประเทศ นอกจากนี้กองทัพบกยังได้เตรียมความพร้อมไปสู่ การปฏิบัติการที่ใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง
( Network Centric Operations ; NCO ) ดังนี้
๑. การจัดทำแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของกองทัพบก
ปี ๒๕๕๗ – ๒๕๖๑ เพื่อมุ่งสู่ การพัฒนาระบบปฏิบัติการโดยใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง ( Network Centric
Operations ; NCO )
๒.
การกำหนดแนวความคิดในการปรับปรุง/เปลี่ยนผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
ไปสู่ระบบดิจิตอล หรือที่เรียกว่า กองทัพบกยุคดิจิตอล(
Digital Army )
๓.
การกำหนดแนวความคิดในการพัฒนาระบบโครงข่ายการสื่อสารทางยุทธศาสตร์
และยุทธวิธี มุ่งไปสู่การสื่อสารข้อมูล ( Data Communication ) เพื่อรองรับการเชื่อมต่อข้อมูลทางยุทธิวิธี
๔.
การกำหนดแนวทางการพัฒนาระบบการรักษาความปลอดภัยด้านสารสนเทศ ( Cyber Security ) และระบบเครือข่ายภายในของกองทัพบก
๕. การเตรียมการจัดตั้งหน่วย หรือ
ปรับความรับผิดชอบงานสายวิทยาการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ให้มีศักยภาพ สามารถปฏิบัติการที่ใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง
(
Network Centric Operations ; NCO )
สรุป การพัฒนาองค์กรในยุคเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
โดยใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง
( Network Centric
) ถือเป็นกระแสแนวโน้ม ( Trend )
ของโลกปัจจุบันและในอนาคตที่กำลังมาแรง
เพื่อการพัฒนาศักยภาพขององค์กรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
และมีความได้เปรียบในเชิงการแข่งขันโดยอาศัยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเครือข่าย ยุค
3G และ 4G ที่ทำให้การเชื่อมต่อ และการสื่อสารระหว่างองค์กร
และบุคคล เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สะดวก และรวดเร็วทันเวลา
ในด้านวงการทหาร การพัฒนากองทัพเพื่อไปสู่ การสงครามที่ใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง
( Network Centric Warfare ) โดยเฉพาะของกองทัพไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักด้านความมั่นคงของประเทศ ต่างกำลังเร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วน
แต่ก็ยังมีความแตกต่างในด้านความเจริญก้าวหน้าของการพัฒนา
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์ของผู้นำองค์กรที่จะมองเห็นความสำคัญมากน้อยเพียงใด
แต่อย่างไรก็ตามพอจะถือได้ว่า กองทัพไทยรวมถึงเหล่าทัพต่างได้มีการเตรียมความพร้อมและกำลังเร่งดำเนินการไปสู่เป้าหมายดังกล่าว
บางองค์กรเป้าหมายอยู่ในขั้นการรวมศูนย์สั่งการ ( Unified
Command ) บางองค์กรเป้าหมายอยู่ในขั้นสงครามไซเบอร์ ( Cyber
Warfare ) บางองค์กรเป้าหมายอยู่ในขั้นปฏิบัติการที่ใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง
( Network Centric Operations ; NCO ) และบางองค์กรเป้าหมายอยู่ในขั้นการสงครามที่ใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง
( Network Centric Warfare
; NCW ) โดยเป้าหมายสูงสุดของการพัฒนากองทัพ คือ
การสร้างเสริมกำลังกองทัพให้มีศักยภาพ และมีความพร้อมในการปฏิบัติการทางทหารและปฏิบัติการทางทหารที่มิใช่สงคราม
( Military Operations Other Than War ;
MOOT War ) ตลอดจนความพร้อมในการรับมือภัยคุกคามในทุกรูปแบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ นั่นเอง
บรรณานุกรม
กองทัพบก , “ ๒๕๕๗ เป็นปีแห่งการเตรียมความพร้อมกองทัพบกสู่อนาคต”, กรุงเทพฯ , ๒๕๕๖
ชเนนทร์ สุขวารี,น.อ., “ บทบาทของกองทัพอากาศกับ Network Centric Warfare”, กรุงเทพฯ . ๒๕๕๕
วิสันติ สระศรีกา,พ.อ. ,“ สงครามที่ใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง ( Network Centric Warfare )”, กรุงเทพฯ, ๒๕๕๕
ทวีวุฒิ พงศ์พิพัฒน์, พล.ร.ท. “ กองทัพเรือกับการพัฒนาสู่การสงครามที่ใช้เครือข่ายเป็นกลาง”, กรุงเทพฯ,๒๕๕๔
สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ ( องค์การมหาชน ) กระทรวงกลาโหม, “ เปิดประตูสู่เทคโนโลยีป้องกันประเทศ ” กรุงเทพฯ, ๒๕๕๔
กองทัพบก , “ ๒๕๕๗ เป็นปีแห่งการเตรียมความพร้อมกองทัพบกสู่อนาคต”, กรุงเทพฯ , ๒๕๕๖
ชเนนทร์ สุขวารี,น.อ., “ บทบาทของกองทัพอากาศกับ Network Centric Warfare”, กรุงเทพฯ . ๒๕๕๕
วิสันติ สระศรีกา,พ.อ. ,“ สงครามที่ใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง ( Network Centric Warfare )”, กรุงเทพฯ, ๒๕๕๕
ทวีวุฒิ พงศ์พิพัฒน์, พล.ร.ท. “ กองทัพเรือกับการพัฒนาสู่การสงครามที่ใช้เครือข่ายเป็นกลาง”, กรุงเทพฯ,๒๕๕๔
สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ ( องค์การมหาชน ) กระทรวงกลาโหม, “ เปิดประตูสู่เทคโนโลยีป้องกันประเทศ ” กรุงเทพฯ, ๒๕๕๔
----------------------------------------