วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ประชาคมไซเบอร์ของกองทัพ: ก้าวแรกสู่ประชาคมไซเบอร์ของชาติ

ประชาคมไซเบอร์ของกองทัพ: ก้าวแรกสู่ประชาคมไซเบอร์ของชาติ
( Armed Forces Cyber Community : First step for National Cyber Community )
โดย พลตรี ฤทธี  อินทราวุธ
ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีทางทหาร

“ แม้หวังตั้งสงบ จงเตรียมรบให้พร้อมสรรพ์ ศัตรูกล้ามาประจัญ จะอาจสู้ริปูสลาย
พระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖

ภัยคุกคามด้านไซเบอร์ ( Cyber Threats )  ในยุคปัจจุบันและอนาคต นับวันจะทวีความรุนแรงและเข้มข้นมากขึ้นตามลำดับ จากสถานการณ์การโจมตีด้านไซเบอร์ต่อระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ที่ปรากฏเป็นกระแสข่าวดังไปทั่วโลก ด้วยการใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ เทคโนโลยี และซอฟต์แวร์ต่างๆ ที่พัฒนาขึ้นมา และกระทำการโดยกลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดีต่างๆ เช่น กลุ่มอาชญากรรมทางไซเบอร์ ( Cyber Crimes )  กลุ่มก่อการร้าย ( Terrorist )  กลุ่มมิจฉาชีพ ( Criminals )  กลุ่มนิรนาม ( Anonymous ) รวมถึงกองกำลังไซเบอร์ ( Cyber Warrior )  ก่อให้เกิดกระแสความตื่นตระหนก หวั่นวิตกต่อการดำรงวิถีชีวิต และความเป็นอยู่ของประชาชน ตลอดจนหน่วยงาน องค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐ และธุรกิจเอกชน ด้านความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล ระบบงานสารสนเทศ และการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ รวมถึงการลักลอบโจรกรรมข้อมูล การเจาะระบบ และการโจมตีระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารขององค์กรและหน่วยงานต่างๆ ตลอดจนหน่วยงานด้านความมั่นคง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์

กองทัพได้ตระหนักถึงภัยคุกคามด้านไซเบอร์ดังกล่าว ซึ่งส่งผลกระทบไปในวงกว้างในด้านความเสียหาย และความเชื่อมั่นในด้านการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ จึงได้ดำเนินการเตรียมการรับมือกับการโจมตีด้านไซเบอร์มาตามลำดับ รวมถึงการดำเนินการจัดตั้งหน่วยงานด้านไซเบอร์ของแต่ละเหล่าทัพขึ้นมา เพื่อรับผิดชอบภัยคุกคามด้านไซเบอร์โดยตรง ถึงกระนั้นยังไม่เพียงพอที่จะเป็น หลักประกันความมั่นคงปลอดภัยด้านไซเบอร์ที่ชัดเจน ทั้งนี้เนื่องมาจาก  ภัยคุกคามด้านไซเบอร์ นับเป็นภัยคุกคามทั้งไร้ตัวตน ไร้ทิศทาง และไร้ขีดจำกัดในการโจมตี กล่าวคือ เราไม่ทราบว่ามันมีรูปร่างอย่างไร แฝงตัวมาลักษณะใด มาจากที่ไหนบ้าง สามารถโจมตีได้จากทุกทิศทุกทางทั่วโลก และไม่มีข้อจำกัดด้านเวลา รวมถึงสามารถจะเข้ายึดควบคุมอุปกรณ์และระบบคอมพิวเตอร์ของฝ่ายเรา เพื่อใช้โจรกรรมข้อมูล หรือโจมตีระบบอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ระบบงานสารสนเทศ  และระบบการสื่อสารของฝ่ายเรา ดังนั้น แนวทางการรับมือกับภัยคุกคามด้านไซเบอร์ จึงจำเป็นจะต้องมีการระดมสรรพกำลัง โดยการผนึกกำลัง แสวงหาความร่วมมือทุกภาคส่วน และการระดมทรัพยากร โดยเฉพาะทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยมีความสำคัญยิ่งและมีอยู่อย่างค่อนข้างจำกัด เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถด้านไซเบอร์ ให้เป็น กำลังอำนาจของชาติ ( National Power ) และเป็น พลังอำนาจที่ไม่มีตัวตน ( Intangible Power ) สำหรับการรับมือกับภัยคุกคามด้านโดเมนที่ ๕ หรือ พื้นที่ปฏิบัติการบนโลกไซเบอร์ ( Cyber Domain )
การจัดตั้งประชาคมไซเบอร์ ( Cyber Community ) จึงเป็น แนวคิดของการผนึกกำลัง เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานด้านไซเบอร์ ในระดับวางแผนและระดับปฏิบัติการ ได้มีโอกาสพบปะ พูดคุย แลกเปลี่ยน เรียนรู้ ประสบการณ์การทำงานและองค์ความรู้ต่างๆ ด้านไซเบอร์ซึ่งกันและกัน อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์  ความร่วมมือในการปฏิบัติงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดและเกิดประสิทธิภาพสูงสุดให้เกิดความเป็นรูปธรรม มีความต่อเนื่องและยั่งยืน รวมถึงการประสานความร่วมมือในด้านอื่นๆ เช่น การพัฒนาบุคลากร การพัฒนาองค์ความรู้ การพัฒนาองค์กรด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ การพัฒนาการฝึกทักษะและประสบการณ์ร่วมกัน รวมถึงการใช้ทรัพยากร เครื่องมือ อุปกรณ์ และเทคโนโลยีร่วมกันในอนาคต ตลอดจนการกระจายข่าวสาร การแจ้งเตือนภัยคุกคาม และข้อมูลข่าวสารต่างๆ ระหว่างกันภายในประชาคมไซเบอร์
แนวคิดดังกล่าว จึงเป็นที่มาของการจัดตั้งประชาคมไซเบอร์ของกองทัพขึ้น เพื่อพัฒนาให้การปฏิบัติการร่วมในมิติไซเบอร์ ( Cyber co-operations ) ของกองทัพเป็นไปด้วยความเรียบร้อยอย่างเป็นรูปธรรม และมีความเข้าใจในกรอบแนวทางการปฏิบัติให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน กล่าวคือ หน่วยงานด้านไซเบอร์ของกองทัพ จะมีหน้าที่ความรับผิดชอบในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านไซเบอร์ ให้กับหน่วยทหารในสังกัดเป็นหลัก เพื่อพร้อมรับมือกับการโจมตีด้านไซเบอร์ในรูปแบบต่างๆ ดังที่กล่าวมาแล้ว ให้หน่วยทหารมีความมั่นคงปลอดภัยด้านไซเบอร์ซึ่งเป็นมาตรการเชิงรับ และพัฒนาขีดความสามารถในการปฏิบัติการไซเบอร์เชิงรุก เพื่อรองรับการปฏิบัติการทางทหารในกรณีที่เกิดสถานการณ์สงครามขึ้นทั้ง สงครามตามแบบ ( War ) สงครามนอกแบบ  ( Unconventional War ) และสงครามไซเบอร์ ( Cyber War ) ซึ่งเป้าหมายในการปฏิบัติการไซเบอร์ของกองทัพในกรณีที่เกิดภาวะสงครามดังกล่าว จะเป็นการกระทำต่อเป้าหมายทางทหารของฝ่ายตรงข้ามเป็นหลัก
สถานการณ์สงครามโดยทั่วไป เป้าหมายส่วนใหญ่ที่มักจะถูกโจมตีจะมีทั้งเป้าหมายทางทหาร และเป้าหมายพลเรือนซึ่งเป็นเป้าหมายที่มีความอ่อนแอและมีผลกระทบเสียหายในวงกว้าง เพื่อสร้างความเสียหาย คุกคาม และกดดันให้ฝ่ายตรงข้ามไปสู่สถานะเสียเปรียบในทางการเจรจาเพื่อยุติปัญหา ดังนั้น การจัดตั้งประชาคมไซเบอร์ของกองทัพ จึงยังมิใช่คำตอบ แบบสูตรสำเร็จ ในการรับมือกับภัยคุกคามด้านไซเบอร์ในระดับสงครามไซเบอร์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ดังนั้น การพัฒนาความสัมพันธ์ และความร่วมมือด้านไซเบอร์ของทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยทหาร หน่วยงานความมั่นคง หน่วยงานองค์กรภาครัฐและธุรกิจเอกชน รวมถึงสถาบันการศึกษา ตลอดจนประชาชนทั่วไป เพื่อนำไปสู่การจัดตั้ง ประชาคมไซเบอร์ระดับชาติ ( National Cyber Community ) จึงเป็นอีกก้าวหนึ่ง ที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาเสริมสร้างขีดความสามารถและศักยภาพด้านไซเบอร์ของประเทศ ให้เป็น กำลังอำนาจของชาติ ( National Power ) ในอนาคต
ประชาคมไซเบอร์ระดับชาติ นับเป็นเป้าหมายสูงสุดของ การเตรียมสรรพกำลังด้านไซเบอร์ นอกเหนือจาก การระดมสรรพกำลังทางทหาร ซึ่งเป็นการดําเนินการรวบรวม และการจัดระเบียบทรัพยากรทั้งปวง เพื่อสนับสนุนวัตถุประสงค์ของชาติในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือภาวะไม่ปกติ โดยมีกฎหมายรองรับ แต่การเตรียมสรรพกำลังด้านไซเบอร์ จะเป็นความสมัครใจ จิตอาสา และความสำนึกของความเป็นคนไทย ที่มุ่งหวังให้ประเทศชาติอยู่รอดปลอดภัยจากภัยคุกคามด้านไซเบอร์ ซึ่งเกิดจากการพัฒนาความสัมพันธ์ การพัฒนาความร่วมมือด้านไซเบอร์ของทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยทหาร หน่วยงานความมั่นคง หน่วยงานองค์กรภาครัฐและธุรกิจเอกชน รวมถึงสถาบันการศึกษา ตลอดจนประชาชนทั่วไปที่มีความรู้ ความสามารถ ความเชี่ยวชาญ ทักษะ และประสบการณ์ด้านการปฏิบัติการไซเบอร์ทั้งเชิงรับและเชิงรุก โดยจัดให้มีเวที หรือช่องทางการพบปะ พูดคุย แลกเปลี่ยน เรียนรู้ ประสบการณ์การทำงานและองค์ความรู้ต่างๆ ด้านไซเบอร์ซึ่งกันและกันอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอในขั้นต้น และพัฒนาเสริมสร้างความสัมพันธ์ไปสู่ความร่วมมือในการปฏิบัติงานร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงการประสานความร่วมมือในด้านอื่นๆ ทั้งด้านบุคลากร องค์ความรู้ การพัฒนาองค์กร การฝึกปฏิบัติการร่วมกัน รวมถึงการใช้ทรัพยากร เครื่องมือ อุปกรณ์ และเทคโนโลยีร่วมกัน ตลอดจนการกระจายข่าวสาร การแจ้งเตือนภัยคุกคาม และข้อมูลข่าวสารต่างๆ ระหว่างกันภายในประชาคมไซเบอร์ เพื่อสร้างเป็นเครือข่ายโยงใยไปทุกภาคส่วน และมีความกลมเกลียวเหนียวแน่นเป็นปึกแผ่น ผนึกเป็นการระดมสรรพกำลังซึ่งเป็นพลังอำนาจที่ไม่มีตัวตน เพราะฝ่ายตรงข้ามจะไม่รู้ว่าพลังอำนาจเหล่านี้เป็นใคร อยู่ที่ไหน อาจจะอยู่ในประเทศ หรือนอกประเทศก็สามารถปฏิบัติการร่วมกันได้ โดยใช้ความรู้ ความสามารถ ความเชี่ยวชาญ ทักษะ และประสบการณ์ด้านการปฏิบัติการไซเบอร์ทั้งเชิงรับและเชิงรุกของตนนำมาปฏิบัติการต่อเป้าหมายฝ่ายตรงข้าม เพื่อรักษาความมั่นคงของชาติ รักษาผลประโยชน์ของชาติ หรือผนึกกำลังกันเพื่อปกป้อง คุ้มครอง รักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์จากการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามไม่ให้ประเทศชาติเกิดความเสียหายจากการคุกคามและการโจมตีด้านไซเบอร์ ซึ่งจะเป็นการดีกว่าการปล่อยปละละเลยให้บุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถทางด้านการปฏิบัติการไซเบอร์ ตลอดจนผู้ที่กำลังให้ความสนใจในด้านนี้ ถูกผู้ไม่หวังดีชักจูงไปในทางที่ไม่ถูกไม่ควร และนำเอาความรู้ ความสามารถด้านปฏิบัติการไซเบอร์ดังกล่าว มากระทำการที่ผิดตามกฎหมาย สร้างความเสียหาย และบั่นทอนความเชื่อมั่นของประเทศชาติ หน่วยงาน และองค์กรต่างๆ ในด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ ตามที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ดังนั้น การจัดตั้งประชาคมไซเบอร์ของกองทัพ จึงถือเป็นก้าวหนึ่งของการนำไปสู่การจัดตั้งประชาคมไซเบอร์ระดับชาติในอนาคต เพื่อเป็นการ “ เตรียมรบให้พร้อมสรรพ ” ตั้งแต่เนิ่นๆ ทั้งนี้เพียงเพื่อมุ่งหวังว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศไทยจะมีความพร้อมในด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ในระดับที่สูงยิ่งๆ ขึ้นไป รวมถึงการพัฒนาขีดความสามารถขีดความสามารถในการปฏิบัติการเชิงรุก เพื่อใช้เป็นกำลังอำนาจที่ไม่มีตัวตนในการปฏิบัติการบนโลกไซเบอร์หรือไซเบอร์โดเมน

---------------------------------