สรรพกำลังทางไซเบอร์ หนึ่งในภาพลักษณ์ ของ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม
( Cyber Resources is brand of the Permanent
Secretary for Defence )
โดย พลโท ฤทธี
อินทราวุธ
ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงกลาโหม/
หัวหน้าคณะทำงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
กิจการอวกาศ และไซเบอร์
-----------------------------------------
หากจะเอ่ยถึงนามหน่วย
“สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ” สำหรับประชาชนทั่วไป
เชื่อว่าหลายคนคงนึกภาพไม่ออกว่ามันคือหน่วยอะไร? อยู่ที่ไหน? มีบทบาทหน้าที่ทำงานอะไร? เมื่อเปรียบเทียบกับนามหน่วยอื่นๆ เช่น “กระทรวงกลาโหม” ประชาชนก็จะนึกถึงแบรนด์หรือภาพลักษณ์ของ
“ศาลาว่าการกลาโหม” ตึกเก่าแก่
ทรงโบราณสีเหลืองๆ
ที่มีปืนใหญ่โบราณตั้งอยู่ด้านหน้าจำนวนหลายกระบอก
ซึ่งตั้งอยู่ตรงกันข้ามกับวัดพระศรีรัตนศาสดารามหรือวัดพระแก้ว และพระบรมมหาราชวัง
อยู่ติดกับศาลหลักเมือง ตรงข้ามสนามหลวง
ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
และรัฐมนตรีช่าวว่าการกระทรวงกลาโหม มีหน้าที่ดูแลงานด้านความมั่นคงของประเทศ ถ้าพูดถึง
“กองทัพบก” ประชาชนก็จะนึกแบรนด์หรือภาพลักษณ์ของ “ทหารบก” ที่ถืออาวุธ
ยุทโธปกรณ์ต่างๆ คอยปกป้องประเทศชาติ อธิปไตยทางบก ดูแลความสงบเรียบร้อย
และคอยช่วยเหลือประชาชนที่ประสบความเดือดร้อยจากภัยพิบัติต่างๆ ถ้าพูดถึง
“กองทัพเรือ” ประชาชนก็จะนึกถึงแบรนด์หรือภาพลักษณ์ของ “ทหารเรือ”
ที่อยู่บนเรือรบหลวงคอยปกป้องอธิปไตยในน่านน้ำ ผลประโยชน์ทางทะเล
และคอยอนุรักษ์สัตว์น้ำและทรัพยากรชายฝั่ง หากพูดถึง “กองทัพเรืออากาศ”
ประชาชนก็จะนึกถึงแบรนด์หรือภาพลักษณ์ของ “นักบินทหารอากาศ”
ที่ขับเครื่องบินเจ็ทคอยปกป้องอธิปไตยบนน่านฟ้า
สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เปรียบเสมือนเป็นหน่วยงานที่เป็นมันสมองของกระทรวงกลาโหม
โดยทำหน้าที่ กำหนดเป้าหมาย ยุทธศาสตร์ และแผนการดำเนินการ
ที่เชื่อมโยงจากรัฐบาลไปยังหน่วยปฏิบัติ
รวมถึงการกำกับดูแลและตรวจสอบการปฏิบัติราชการของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงกลาโหมให้เป็นไปด้วยความถูกต้อง
เกิดประสิทธิภาพ มีประสิทธิผล และเป็นไปตามนโยบายรัฐบาล
เพื่อตอบสนองเจตนารมณ์ของประเทศ ประชาชน และสังคมไทย[1] โดยมีพัมธกิจ ที่สำคัญอยู่ ๙
ประการ[2] คือ
๑. พิทักษ์รักษาและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์
๒.
เสนอแนะและบูรณาการนโยบายและยุทธศาสตร์ของกระทรวงกลาโหม
๓.
ส่งเสริมการวิจัย พัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีป้องกันประเทศของกระทรวงกลาโหม
๔.
พัฒนางานเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และกิจการอวกาศเพื่อความมั่นคง
๕.
พัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร เพื่อการพึ่งพาตนเอง
๖.
เสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงกับต่างประเทศ
ด้วยการบูรณาการงานร่วมกันระหว่างส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
๗. สนับสนุนการรักษาความมั่นคงของรัฐ
การพัฒนาประเทศและช่วยเหลือประชาชน รวมทั้งการแก้ไขปัญหาอื่นๆ ที่สำคัญของชาติ
๘.
ปรับปรุงและพัฒนาการบริหารจัดการกระทรวงกลาโหม รวมทั้งพัฒนาระบบติดตามประเมินผลที่เป็นรูปธรรมไปสู่การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี
๙.
ดำเนินงานการสงเคราะห์ทหารผ่านศึกเพื่อความมั่นคง
จากพัมธกิจของ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม
ทั้ง ๙ ประการ จะเห็นได้ว่า พัมธกิจส่วนใหญ่ เป็นเพียง “นามธรรม”
ไม่สามารถสื่อถึง “ภาพลักษณ์” ของหน่วยงานเพื่อให้ประชาชนเข้าถึง เข้าใจ หรือมีส่วนร่วมและสัมผัสได้อย่างเป็น
“รูปธรรม” ยกเว้นพันธกิจในข้อ ๔. พัฒนางานเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และกิจการอวกาศเพื่อความมั่นคง
ดังนั้น
การแปลงพันธกิจไปสู่การปฏิบัติแบบกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน
จึงเป็นแนวทางหนึ่งในการสร้างแบรนด์หรือภาพลักษณ์ของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม
เพื่อสื่อให้ประชาชนเข้าถึง เข้าใจ หรือมีส่วนร่วมและสัมผัสได้อย่างเป็น “รูปธรรม”
เช่นเดียวกับเหล่าทัพต่างๆ
โดยการพัฒนางานเทคโนโลยีสารสนเทศ
การสื่อสาร และกิจการอวกาศเพื่อความมั่นคง ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับงานด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์
โดยรัฐบาลและกระทรวงกลาโหมได้ให้ความสำคัญกับภัยคุกคามด้านไซเบอร์ซึ่งถือเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ
กระทรวงกลาโหมจึงได้อนุมัติ ยุทธศาสตร์ไซเบอร์เพื่อการป้องกันประเทศกระทรวงกลาโหม
พ.ศ.๒๕๕๘ และ แผนแม่บทไซเบอร์เพื่อการป้องกันประเทศกระทรวงกลาโหม พ.ศ.๒๕๖๐ – ๒๕๖๔
โดยเนื้อหาในยุทธศาสตร์ไซเบอร์เพื่อการป้องกันประเทศกระทรวงกลาโหม พ.ศ.๒๕๕๘
ได้กำหนดให้ ดำเนินการเพื่อระดมขีดความสามารถของผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์พลเรือนมาปฏิบัติงานในศูนย์บัญชาการไซเบอร์กลาโหม
โดยจัดให้มีตำแหน่งงานชั่วคราวสำหรับผู้เชี่ยวชาญไซเบอร์พลเรือน
มีมาตรการจูงใจและการตอบแทนที่เหมาะสม นอกเหนือจากการระดมขีดความสามารถของผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์พลเรือน
เพื่อนำมาใช้งานด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ของ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ในลักษณะ Outsource
แล้ว สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ยังมีพัทธกิจและขีดความ
สามารถในการระดมสรรพกำลัง
ที่เป็น กำลังพลสำรองที่มีความรู้ความชี่ยวชาญด้านไซเบอร์ เพื่อระดมขีดความสามารถมาใช้ในการฝึกทดสอบ
ตามแผนการฝึกกำลังพลสำรองตามวงรอบประจำปี ตาม พระราชบัญญัติกำลังพลสำรอง พ.ศ.๒๕๕๘[3] และสามารถนำกำลังพลสำรองที่มีความรู้ความชี่ยวชาญด้านไซเบอร์เหล่านี้มาบรรจุใน
ศูนย์บัญชาการไซเบอร์กลาโหม ตามแผนป้องกันประเทศ ซึ่งปัจจุบันได้มีแผนการบรรจุกำลังพลสำรองไว้เฉพาะหน่วยกำลังรบ
หน่วยสนับสนุนการรบ และหน่วยช่วยรบ สำหรับใช้ในการปฏิบัติการรบ ซึ่งกำหนดให้กำลังพลสำรองที่อายุไม่เกิน
๔๕ ปี และสามารถบรรจุและเลื่อนอัตราชั้นยศไม่เกิน พันตรี
การฝึกซ้อมการระดมสรรพกำลัง
ในปีที่ผ่านมา ได้มีการนำประเด็นภัยคุกคามด้านไซเบอร์มาเป็นโจทย์ปัญหาการฝึกฯ
โดยใช้เจ้าหน้าที่ตำแหน่งประจำในองค์กรมาทำการฝีกฯ ควรจะได้มีการพิจารณานำกำลังพลสำรองที่มีความรู้ความชี่ยวชาญด้านไซเบอร์เหล่านี้มาร่วมในการฝึกฯ ซึ่งอาจจะต้องมีการพิจารณาจัดทำแผนการ
บรรจุกำลังพลสำรองที่มีความรู้ความชี่ยวชาญด้านไซเบอร์เหล่านี้เพิ่มเติมในแผนป้องกันประเทศเพื่อรองรับยุทธศาสตร์ไซเบอร์เพื่อการป้องกันประเทศกระทรวงกลาโหม
รวมถึงการพิจารณาปรับปรุงหลักเกณฑ์อายุกำลังพลสำรอง จากเดิม กำลังพลสำรองสำหรับใช้ในการรบ อายุไม่เกิน ๔๕ ปี
ให้ขยายเพิ่มขึ้น และพิจารณาขยายการบรรจุและเลื่อนอัตราชั้นยศไปจนถึง พันเอก
เพื่อรองรับแผนการบรรจุกำลังพลสำรองที่มีความรู้ความชี่ยวชาญด้านไซเบอร์เหล่านี้ ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ที่มีความรู้ในระดับผู้เชี่ยวชาญ
มักจะเป็นผู้บริหารงานในองค์กรในระดับสูง มีวัยวุฒิและคุณวุฒิสูงๆ
จนถึงระดับปริญญาเอก จึงควรพิจารณาบรรจุตำแหน่งหน้าที่ในโครงสร้างระบบกำลังพลสำรองประเภทผู้เชี่ยวชาญให้เหมาะสม
เพื่อสร้างแรงจูงใจ เป็นเกียรติประวัติ และเกิดความภาคภูมิใจ
นอกเหนือจากการระดมขีดความสามารถของผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์พลเรือน
เพื่อมาใช้งานในศูนย์บัญชาการไซเบอร์กลาโหม ตามยุทธศาสตร์ไซเบอร์เพื่อการป้องกันประเทศกระทรวงกลาโหม
พ.ศ.๒๕๕๘ และเพื่อการฝึกซ้อมการระดมสรรพกำลังประจำปีแล้ว
การสร้างชุมชนไซเบอร์ ( Cyber
Community ) ในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อนำไปสู่เครือข่ายกำลังพลสำรองประเภทผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์
( Cyber Reserve Network ) และการจัดทำระบบ
ทำเนียบกำลังพลสำรองประเภทผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์นับว่ามีความจำเป็น
เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร การสร้างปฏิสัมพันธ์และการติดต่อสื่อสาร
การแจ้งข้อมูลข่าวสารและการประชาสัมพันธ์ในเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงการจัดทำบัญชีเรียกพลพร้อมใช้งาน ( Cyber Reserve On Call List ) สิ่งเหล่านี้ จะเป็นแนวทางการสร้างแบรนด์หรือภาพลักษณ์ของ
สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ให้เกิดความเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน และต่อไปหากมีใครกล่าวถึง
สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ประชาชนก็จะนึกถึงภาพลักษณ์ของ แหล่งรวมผู้เชี่ยวชาญทางไซเบอร์
( Cyber Expertise Group ) , สรรพกำลังทางไซเบอร์ ( Cyber Resource ) และศูนย์บัญชาการไซเบอร์กลาโหม ( Cyber Command for Defence )
-------------------------------------------
อ้างอิง :