โครงการวิจัยและพัฒนาระบบจัดการฐานองค์ความรู้เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูล
การก่อความไม่สงบ สนับสนุนการป้องกันและปราบปรามการก่อความไม่สงบ
โดย พันเอก ฤทธี อินทราวุธ
รองผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีทางทหาร
การป้องกันและปราบปรามการก่อความไม่สงบถือว่าเป็นการปฏิบัติการเพื่อความมั่นคงของประเทศ
ปัจจุบันพบว่าสงครามได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบไป
ซึ่งจะอาศัยลักษณะการก่อความไม่สงบเป็นเครื่องมือของการทำสงครามสมัยใหม่ ในการสงครามไม่ว่ารูปแบบใด
จำเป็นต้องรู้เขา รู้เรา
โดยเฉพาะรู้เขานั้นนับว่าเป็นสิ่งที่ยากลำบากมากในสถานการณ์ที่มีความรุนแรง การตัดสินใจในการจัดการต่อปัญหาการก่อความไม่สงบนั้น
จำเป็นต้องอาศัยเครื่องมือการจัดการฐานองค์ความรู้การก่อความไม่สงบนับเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากอย่างเป็นระบบ การสร้างความสัมพันธ์ของข้อมูลต่างๆ
และรวมถึงผูกความสัมพันธ์ไปยังเหตุการณ์การก่อความไม่สงบประกอบเชิงพื้นที่ เพื่อให้ได้โมเดลรูปแบบการปฏิบัติ
ทำให้เกิดความเข้าใจ
สามารถอธิบายในลักษณะแบบจำลอง และนำไปสู่การพยากรณ์ลักษณะการก่อความไม่สงบ
การก่อความไม่สงบในพื้นที่ ๓
จังหวัดชายแดนภาคใต้
เป็นปัญหาสำคัญด้านความมั่นคงของประเทศ
และมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของกองทัพ ในการบริหารจัดการต่อปัญหาดังกล่าว
เพราะทุกนาที และทุกชีวิตในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มีความเสียหายเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา
ชีวิตของผู้บริสุทธิ์และชีวิตข้าราชการที่ลงไปปฏิบัติหน้าที่ได้สูญเสียไปจำนวนมาก หากเราสามารถหยุดยั้ง
หรือลดความสูญเสียลงไปแม้สักหนึ่งชีวิตก็นับว่าคุ้มค่า
กองทัพบกในฐานะเป็นหน่วยงานหลักด้านความมั่นคงของประเทศ จึงสมควรดำเนินการศึกษา
วิจัย และพัฒนาระบบจัดการฐาน
องค์ความรู้
เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลการก่อความไม่สงบขึ้นมา
โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัย
ผนวกกับความรู้ความสามารถของผู้เชี่ยวชาญทั้งหลาย
เพื่อสร้างองค์ความรู้
และนำข้อมูลข่าวสารมาประยุกต์ใช้ในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ดังกล่าว โดยมีวัตถุประสงค์
เพื่อให้ได้ระบบจัดการฐานข้อมูลองค์ความรู้
เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลการก่อความไม่สงบ
เพื่อสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามการก่อความไม่สงบ
และสามารถบูรณาการองค์ความรู้ด้านการก่อความไม่สงบ ในพื้นที่ ๓ จังหวัดภาคใต้
เพื่อเป็นต้นแบบในการบูรณาการในการป้องกันและปราบปรามการก่อความไม่สงบ
โครงการวิจัยและพัฒนาระบบจัดการฐานองค์ความรู้เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลการก่อความไม่สงบสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามการก่อความไม่สงบ
( Knowledge
Management System for Insurgency Analysis to Counter Insurgency )
เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ โดยอาศัยเทคโนโลยีการจัดการความรู้แบบการจัดระดับ
( Level
Classify Knowledge Management )
เป็นเครื่องมือจัดการฐานองค์ความรู้ (Knowledge Management )
และใช้เทคโนโลยีการแพร่กระจายข้อมูลระบบภูมิสารสนเทศแบบ ๓ มิติ ( Broadband
3D GIS ) ที่ทันสมัยมาประยุกต์ในกิจการทหาร
มีการพัฒนาแบบผสมผสานระหว่างระบบงานสารสนเทศ ( MIS ) และระบบภูมิสารสนเทศ (
GIS ) ระบบข้อมูลเครือข่ายสังคม ( Social Network ) และเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ต
ผนวกลงบนระบบแผนที่ดิจิตอลพิกัดทางทหาร ( Military Grid Reference System ;
MGRS ) และภาพถ่ายดาวเทียมรายละเอียดสูง การบูรณาการระบบฐานข้อมูลต่าง ๆ ( Data
Integrations ) การจัดการระบบฐานข้อมูลภาพนิ่ง ( SouthKM Photos Gallery ) การจัดการระบบฐานข้อมูลภาพเคลื่อนไหว (
SouthKM Tube ) การจัดการข่าวสารระบบเปิด ( SouthKM News ) เพื่อประเมินพื้นที่เสี่ยง ( Risk Area ) และเพิ่มประสิทธิภาพระบบงานให้มีขีดความสามารถสูงขึ้น
โดยการดำเนินการวิจัยและพัฒนาระบบฯ ได้อาศัย นักวิจัยฯ
คณะที่ปรึกษาฯที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะ องค์ความรู้ แนวคิด และทฤษฎีต่าง ๆ นำมาประยุกต์กับการปฏิบัติการวิจัย
และการประเมินผลการทดสอบการใช้งานของผู้ใช้งาน
ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้
การวิเคราะห์และประเมินผลข้อมูลการก่อการร้ายในพื้นที่
๓ จังหวัดชายแคนภาคใต้ สามารถกำหนดรูปแบบ ( Model ) ของประเภทเหตุการณ์ต่าง ๆ
เพื่อนำไปใช้ในการระวังป้องกันการก่อเหตุร้ายในอนาคต
สามารถนำผลการบันทึกข้อมูลเหตุการณ์ไปทำการจำลองรูปแบบ
( Model ) ตามแนวทางด้านทฤษฎี
และกรอบแผนที่เชิงความคิด (
Mind Map )
พบว่ามีรูปแบบของการก่อความรุนแรง ๖ โมเดล คือ ๑. โมเดลเชิงทฤษฎีการแบ่งแยกดินแดน ๒. โมเดลแผนบันใด ๗ ขั้น ๓. โมเดลการต่อต้านอำนาจรัฐ ๔. โมเดลการสร้างพื้นที่เขตอิทธิพล ๕. โมเดลการปกครองตนเอง ๖. โมเดลการปฏิบัติการแบบไร้รูปแบบ
การประเมินผลการวิจัยและพัฒนาฯ
พบว่า ค่าเฉลี่ยผลการทดสอบการใช้งานระบบงานต่าง
ๆ สามารถตอบสนองต่อผู้ใช้งานอยู่ในเกณฑ์ ระดับดีมาก
สำหรับค่าเฉลี่ยผลการประเมินความพึงพอใจเกี่ยวกับภาพรวมของโครงการวิจัยและพัฒนาระบบจัดการฐานองค์ความรู้เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลการก่อความไม่สงบ สนับสนุนการป้องกันและปราบปรามการก่อความไม่สงบนั้น
เกณฑ์ความพึงพอใจอยู่ใน ระดับดีมาก เช่นกัน
สรุปผลการวิจัยฯ
พบว่าผู้ใช้งานส่วนใหญ่มีความพึงพอใจในการทดสอบและการใช้งานอยู่ในเกณฑ์ดีมาก
โดยระบบจัดการฐานองค์ความรู้เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลการก่อความไม่สงบสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามการก่อความไม่สงบ
สามารถที่จะนำมาวิเคราะห์ข้อมูลเหตุการณ์การก่อความไม่สงบในพื้นที่ ๓
จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อกำหนดรูปแบบ ( Model ) ของประเภทเหตุการณ์ต่าง ๆ
เพื่อการระวังป้องกันการก่อเหตุร้ายในอนาคต และยังสามารถนำหลักการ
แนวทางการจัดการความรู้แบบกระบวนการมีส่วนร่วม และการบูรณาการมาขยายผลต่อยอดการพัฒนาระบบงานเพื่อนำมาใช้ในกิจการทหาร
เพื่อลดขีดความสามารถของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผลงานวิจัยนี้เป็นหลักการ
,
แนวทางการบริหารจัดการองค์ความรู้แบบมีส่วนร่วม ,
การบูรณาการ และระบบงานที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานด้านความมั่นคงกองทัพบก , หน่วยที่ปฏิบัติงานอยู่ใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากจะเป็นประโยชน์ทางวิชาการแล้ว
ผลผลิตจากการวิจัยพัฒนาฯ นับว่าเป็นประโยชน์ต่อหน่วยที่ปฏิบัติงานอยู่ใน ๓
จังหวัดชายแดนภาคใต้
ซึ่งปัจจุบันนี้ได้มีการนำระบบฯดังกล่าวมาใช้งานกันอย่างกว้างขวางและต่อเนื่องตลอดเวลา
เช่น กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค
๔ ( ส่วนหน้า ) ,
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด ,
กองบัญชาการพลเรือน ตำรวจ ทหาร ( พตท.) ,
หน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ , กองกำลังในพื้นที่ , ศูนย์ข่าวกรองจังหวัดชายแดนภาคใต้ , ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ และกองพลทหารราบที่ ๑๕ รวมทั้งหน่วยงานด้านวิชาการ โดยเฉพาะวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร
( วปอ.)ได้นำไปต่อยอดแนวความคิดในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในระดับชาติ
วิจัยครั้งนี้ได้เน้นเรื่อง
แนวคิดและหลักการจัดการองค์ความรู้แบบกระบวนการมีส่วนร่วม ,
การบูรณาการ
การทำงานที่เป็นระบบ , การพัฒนาต่อยอดระบบงาน
ซึ่งจะทำให้เกิดระบบสนับสนุนเพื่อการป้องกันและปราบปรามการก่อความไม่สงบใน ๓
จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเพิ่มอำนาจกำลังรบ รวมถึงกำลังอำนาจแห่งชาติ ( การเมือง , เศรษฐกิจ , สังคม และการทหาร )
และยังเอื้อต่อการขยายระบบงาน
ให้เป็นระบบควบคุมบังบัญชาเพื่อตอบสนองต่อการป้องกันและการปราบปรามการก่อความไม่สงบ
และปัญหาความมั่นคงของประเทศ ในอนาคต
จากผลงานวิจัยฯ
ดังกล่าว ของคณะผู้วิจัยฯ ประกอบด้วย พ.อ.ฤทธี
อินทราวุธ นายทหารโครงการฯ
พ.อ.ธนพัฒน ปัทมานนท์ พ.อ. เศรษฐศักดิ์ ดีสุข พ.ต. วีระศักดิ์ จิตรโคตร และ จ.ส.อ. ฐานันดร สำราญสุข คณะอนุกรรมการส่งเสริมงานวิจัยพัฒนาและสิ่งประดิษฐ์คิดค้นทางทหาร
กระทรวงกลาโหม จึงพิจารณาคัดเลือกให้ได้รับ รางวัลที่ ๓ ผลงานวิจัยดีเด่น
ด้านหลักการ ของ กระทรวงกลาโหม ประจำปี ๒๕๕๗
พร้อม AC-130 ซักลำผมเชื่อว่าทหารจะมีความปลอดภัยมากขึ้น เอซี-130เอ เซอร์ไพรซ์แพ็คเกจ, เพฟ พรอนโต, เอซี-130อี เพฟสเปกเตอร์
ตอบลบปืนมินิกันจีเอยู-2/เอขนาด 7.62 ม.ม. 4 กระบอก
ปืนใหญ่เอ็ม61 วัลแคนขนาด 20 ม.ม. 2 กระบอก
ปืนใหญ่แอล/60 โบฟอร์สขนาด 40 ม.ม. 2 กระบอก
และผมอยากให้กองทัพมีอันนี้ด้วย AH-64D Apache Longbow อาปาเช่ แค่1-4ลำเหลือเฟือใช้กำจัดโจร
ตอบลบผมอยากให้มีจัง
ตอบลบ