ความร่วมมือ สู่
ความท้าทายด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของชาติ
( Co-operations : A Challenge of Thailand Cybersecurity )
โดย พลตรี ฤทธี อินทราวุธ
ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีทางทหาร
ภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ( Non-Traditional Threats ) โดยเฉพาะด้านไซเบอร์ในยุคปัจจุบันและอนาคต
นับวันจะทวีเพิ่มระดับความรุนแรง และมีความสลับซับซ้อนในการโจมตีมากยิ่งขึ้น ก่อให้เกิดความสูญเสียและความเสียหาย
ต่อระบบเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
ระบบงานสารสนเทศ ข้อมูลสารสนเทศ ทรัพย์สินเงินทอง ชื่อเสียง ความเชื่อมั่นเชื่อถือ
ความศรัทธา ทั้งตัวบุคคล องค์กร ไปจนถึงระดับชาติ อันเกิดจากอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ ( Cyber Crime ) และการโจมตีทางไซเบอร์ ( Cyber Attack ) ซึ่งส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม ต่อประเทศ องค์กรภาครัฐ
ธุรกิจเอกชน และประชาชนอย่างร้ายแรง ทั้งนี้เนื่องมาจากยุคปัจจุบัน โลกไซเบอร์ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญและความเกี่ยวพันกับวิถีชีวิต
ความเป็นอยู่ของคนอย่างมากมาย จึงส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติทั้งทางบวกและลบ ทั้งกำลังอำนาจของชาติในด้านการเมือง
เศรษฐกิจ สังคมจิตวิทยา และการทหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านทหาร หลายประเทศได้กำหนดความสำคัญให้เป็น 1 ใน 5 โดเมนทางทหาร ที่เรียกกันว่า
ไซเบอร์โดเมน ( Cyber Domain )
จากสถานการณ์ความเข้มข้นและความรุนแรงของภัยคุกคามด้านไซเบอร์ ( Cyber Threats ) ที่ส่งผลกระทบต่อประเทศต่างๆ
รวมทั้งประเทศไทย นอกเหนือจากการโจมตีด้วยข้อมูลข่าวสาร และการปฏิบัติการข่าวสารบนไซเบอร์แล้ว
ภัยคุกคามประเภทอื่นๆ ที่สำคัญ ได้แก่ การโจมตีระบบคอมพิวเตอร์ ด้วย
DDos Attack , การโจมตีโปรแกรม
คอมพิวเตอร์ ด้วย Virus / Worm , การเจาะระบบ
( Hack Server ) เพื่อแก้ไขข้อมูลหรือเปลี่ยนแปลหน้าเว็บไซต์
, การแพร่ระบาดของโปรแกรม Malware , การใช้โปรแกรม Spy ware เพื่อจารกรรมข้อมูล , การใช้โปรแกรมควบคุมหรือใช้เป็นฐานโจมตีต่อเป้าหมายต่างๆ
ที่เรียกว่า BotNet และการใช้โปรแกรมไวรัสเรียกค่าไถ่ Ransomware
เป็นต้น ซึ่งหลายประเทศได้ดำเนินการเตรียมการรับมือต่อภัยคุกคามดังกล่าว
โดยการจัดตั้งหน่วยงานด้านไซเบอร์ขึ้นมารับผิดชอบโดยตรง การใช้มาตรการทางกฎหมายต่างๆ
ที่มีอยู่ แต่อาจจะไม่เพียงพอต่อการรับมือกับภัยคุกคามดังกล่าว ซึ่งนับวันจะยิ่งทวีความรุนแรง
และมีความสลับซับซ้อน หลากหลายรูปแบบวิธีการโจมตี รวมถึงการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยใหม่ๆ
ซึ่งยากต่อการรับมือในลักษณะมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์เชิงรับ ดังนั้นหลายประเทศ
จึงหันมาให้ความ
สำคัญกับมาตรการเชิงรุก โดยการจัดตั้งกองกำลังด้านไซเบอร์ (
Cyber Forces ) และนักรบไซเบอร์ ( Cyber Warrior ) ขึ้นมาเตรียมการตอบโต้ เพื่อการทำลายการโจมตี
การสกัดกั้น ยับยั้ง ชิงความได้เปรียบในด้านความริเริ่ม เพื่อให้เกิดเสรีในการปฏิบัติการ
และเสริมสร้างศักยภาพพลังอำนาจกำลังรบทางการทหารด้านไซเบอร์ รวมถึงการผนึกกำลังทุกภาคส่วน
เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับภัยคุกคามด้านไซเบอร์ดังกล่าว
กองทัพในฐานะหน่วยงานด้านความมั่นคงของชาติ ได้มองเห็นความสำคัญในการเตรียมการรับมือกับภัยคุกคามด้านไซเบอร์
จึงได้ดำเนินการเตรียมการมาตามลำดับ
เพื่อพัฒนาขีดความสามารถของกำลังพลให้มีความพร้อมในการรับมือทั้งทางด้านการปฏิบัติการไซเบอร์เชิงรับและเชิงรุก
โดยการฝึกทักษะการปฏิบัติการไซเบอร์ทั้งเชิงรุกและเชิงรับให้กับกำลังพลในกองทัพ
การรณรงค์เสริมสร้างความตระหนักรู้ต่อภัยคุกคามและการใช้งานด้านเทคโนโลยีสรสนเทศอย่างปลอดภัย
การปลูกฝังจิตสำนักในการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานบนโลกไซเบอร์
เพื่อลดความเสี่ยงด้านภัยคุกคามด้านไซเบอร์ที่มองไม่เห็นตัว ตั้งแต่ยามปกติ
และเสริมสร้างความพร้อมรับมือทั้งเชิงรับและเชิงรุกในยามวิกฤติ แต่จากประสบการณ์ด้านการปฏิบัติการรบและการต่อต้านการก่อการร้าย
เป้าหมายที่มักจะตกเป็นเหยื่อการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม
มักจะเป็นเป้าหมายทางพลเรือนเป็นลำดับแรกๆ ของการโจมตี เพื่อสร้างความระส่ำระสาย
ความตื่นตระหนก และความโกลาหน สับสนอลหม่าน แก่ประชาชน โดยเฉพาะเป้าหมายการโจมตีต่อระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณูปโภค
การสื่อสาร และคมนาคม รวมถึงระบบภาคธุรกิจเอกชน ให้เกิดความเสียหาย
ก่อนเริ่มการปฏิบัติการทางทหาร ในกรณีที่เกิดความขัดแย้งขึ้นในระดับประเทศ
กระทรวงกลาโหม ได้ความตระหนักและให้ความสำคัญในการเตรียมการรับมือกับภัยคุกคามด้านไซเบอร์
โดยกำหนดแผนยุทธศาสตร์ด้านไซเบอร์ของกระทรวงกลาโหม ออกเป็น 3 ด้าน คือ การป้องกัน (
Defensive ) , การป้องปราม (
Suppression ) และการผนึกกำลัง
( Synergies ) โดยเฉพาะด้านการผนึกกำลัง
นับว่าเป็นหัวใจที่มีความสำคัญและมีความจำเป็นอย่างยิ่ง
ในกรณีที่เกิดการคุกคามจากการโจมตีทางไซเบอร์ โดยจะต้องมีการประสานความร่วมมือกันทุกภาคส่วน
ทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน ทหาร ตำรวจ และประชาชน เพื่อผนึกกำลังในการเสริมสร้างศักยภาพและความพร้อมรับมือกับภัยคุกคามด้านไซเบอร์ของประเทศ
และพัฒนาไปสู่การเสริมสร้างพลังอำนาจกำลังรบที่ไม่มีตัวตน ( Intangible
Forces )
กองทัพบกได้มีแนวความคิดเปิดกว้างในการพัฒนาเสริมสร้างความสัมพันธ์
และความร่วมมือทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน และประชาชนทั่วไป เพื่อเป็นการเตรียมการผนึกกำลังในการเสริมสร้างศักยภาพและความพร้อมรับมือกับภัยคุกคามด้านไซเบอร์ของประเทศ
ตามแผนยุทธศาสตร์ด้านไซเบอร์กระทรวงกลาโหม จึงได้มอบหมายให้ ศูนย์เทคโนโลยีทางทหาร /
ศูนย์ไซเบอร์กองทัพบก ดำเนินการจัดกิจกรรมทางด้านไซเบอร์ขึ้น เพื่อพัฒนาเสริมสร้างขีดความสามารถกำลังพลของกองทัพ
ในด้านการปฏิบัติการไซเบอร์ทั้งเชิงรับและเชิงรุก โดยจัดการแข่งขันทักษะการ
ปฏิบัติการไซเบอร์
( Cyber Operation Contest ) เพื่อให้หน่วยงานภายนอกและประชาชนทั่วไป
ได้เห็นภาพจำลองของการโจมตีทางไซเบอร์ และการปฏิบัติการในการรับมือ เพื่อป้องกันไม่ให้ระบบสารสนเทศเกิดความเสียหายและมีความมั่นคงปลอดภัย
รวมถึงการเสริมสร้างศรัทธาความเชื่อมั่นและความไว้วางใจต่อกองทัพในด้านการปฏิบัติการด้านไซเบอร์
เพื่อให้ทุกภาคส่วนรับรู้รับทราบการดำเนินการของกองทัพ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติและสามารถเปิดเผยต่อสังคม
เป็นการเตรียมการรับมือ เพื่อป้องกันและป้องปรามภัยคุกคามทางการทหารด้านความมั่นคงของประเทศ
มิใช่นำมาปฏิบัติการโจมตีต่อประชาชนในประเทศ
ตามที่มีการบิดเบียน ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการเสวนาแนวทางการพัฒนาความร่วมมือและการผนึกกำลังทุกภาคส่วน
เพื่อเป็นการเสริมสร้างความร่วมมือ และพัฒนาศักยภาพด้านไซเบอร์ของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม
ซึ่งความร่วมมือดังกล่าว ถือเป็นความท้าทายด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของชาติ นับจุดเริ่มต้นในการประสานความร่วมมือและการผนึกกำลังทุกภาคส่วน เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและความพร้อมรับมือกับภัยคุกคามด้านไซเบอร์ของประเทศ
และเป็นหลักประกันความมั่นคงปลอดภัยในการพัฒนาดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
ไปสู่ ดิจิตอล ไทยแลนด์
“
ไซเบอร์ปลอดภัย ประเทศไทยยุคดิจิตอล ”
---------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น