สรุปย่อ
ลักษณะวิชา ยุทธศาสตร์
เรื่อง การบูรณาการกำลังอำนาจแห่งชาติทั้งมวลเพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติงานของ
เจ้าหน้าที่รัฐ
ในการขจัดปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ( จชต.)
ผู้วิจัย พ.อ. ฤทธี อินทราวุธ หลักสูตร วปอ. รุ่นที่ ๕๕
ตำแหน่ง รองผู้อำนายการศูนย์เทคโนโลยีทางทหาร
ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
ปัจจุบัน การก่อความไม่สงบ
ถือได้ว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ไม่เฉพาะประเทศเล็ก
ๆ เท่านั้น แม้แต่ประเทศอภิมหาอำนาจอย่าง ประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ไม่เว้น
ทั้งนี้เนื่องมาจากสภาพแวดล้อมของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ด้วยมูลเหตุ ปัจจัย
และเงื่อนไขต่างๆ โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่ทันสมัย
อาทิเช่น เทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นต้น สำหรับประเทศไทย ปัญหาการก่อเหตุรุนแรง ในพื้นที่
๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้
ซึ่งได้เริ่มกลับมา
ปะทุอีกครั้งภายหลังการบุกปล้นอาวุธในค่ายทหาร เมื่อวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๗ และมีการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงต่างๆ ในพื้นที่ และพื้นที่อื่นๆ ติดตามมา จนรัฐบาลต้องหันมาดำเนินการนโยบายแก้ไขอย่างจริงจัง แต่ก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร ทั้งนี้เนื่องจาก ขาดการบริหารจัดการองค์ความรู้เกี่ยวกับการก่อความไม่สงบ ซึ่งมีความเป็นอัตลักษณ์ และมีความแตกต่างจากการก่อความไม่สงบในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทำให้แนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยใช้หลักปฏิบัติ หลักการ หลักนิยม หรือ ทฤษฎีของประเทศอื่นๆ มาใช้ไม่ได้ผล ดังนั้นควรจะต้องมีการดำเนินการศึกษาองค์ความรู้ที่มีลักษณะเฉพาะนี้ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาต่อไป
ปะทุอีกครั้งภายหลังการบุกปล้นอาวุธในค่ายทหาร เมื่อวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๗ และมีการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงต่างๆ ในพื้นที่ และพื้นที่อื่นๆ ติดตามมา จนรัฐบาลต้องหันมาดำเนินการนโยบายแก้ไขอย่างจริงจัง แต่ก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร ทั้งนี้เนื่องจาก ขาดการบริหารจัดการองค์ความรู้เกี่ยวกับการก่อความไม่สงบ ซึ่งมีความเป็นอัตลักษณ์ และมีความแตกต่างจากการก่อความไม่สงบในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทำให้แนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยใช้หลักปฏิบัติ หลักการ หลักนิยม หรือ ทฤษฎีของประเทศอื่นๆ มาใช้ไม่ได้ผล ดังนั้นควรจะต้องมีการดำเนินการศึกษาองค์ความรู้ที่มีลักษณะเฉพาะนี้ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาต่อไป
ปัญหาการก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
(จชต.) เป็นปัญหาด้านความมั่นคงของประเทศที่เรื้อรังมานาน
และทุกรัฐบาลได้ดำเนินการแก้ไขปัญหามาโดยตลอด
ทำให้บางช่วงการก่อเหตุความรุนแรงลดลงตามระดับเกือบสู่ภาวะปกติ และบางช่วงการก่อเหตุได้ทวีความรุนแรงจนเข้าสู่ภาวะวิกฤติ โดยเฉพาะตั้งแต่ต้นปี ๒๕๔๗ จนถึงปัจจุบัน
ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ
ทั้งด้านการเมืองการปกครอง
ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคมจิตวิทยา และด้านการทหาร ฯลฯ ซึ่งเป็นกำลังอำนาจแห่งชาติ ก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างมหาศาลทั้งด้านชีวิต
และทรัพย์สินที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งงบประมาณแผ่นดินในการดำเนินการแก้ไขปัญหา และจนถึงขณะนี้
ปัญหาความรุนแรงดังกล่าว ยังไม่มีท่าทีที่จะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น
ประเด็นสำคัญที่เป็นกลไกของการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
อยู่ที่กำลังอำนาจแห่งชาติด้านต่างๆ ซึ่งยังมิได้มีการศึกษาวิจัยอย่างจริงจัง
ถึงความสมดุล และการบูรณาการกำลังอำนาจแห่งชาติ
ตลอดจนการ
บูรณาการองค์ความรู้ในการปฏิบัติงานแก้ไขปัญหาเพื่อให้เกิดศักยภาพสูงสุด
ทำให้การปฏิบัติที่ผ่านมาส่งผลกระทบทั้งทางบวกและทางลบ
ตัวแปรสำคัญที่เกี่ยวข้องกับกำลังอำนาจแห่งชาติ ซึ่งเป็นปัจจัยส่งผลต่อระดับความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ได้แก่ กำลังอำนาจทางการเมือง , เศรษฐกิจ , สังคมจิตวิทยา
และการทหาร
การศึกษาวิจัย เรื่อง
การบูรณาการกำลังอำนาจแห่งชาติทั้งมวลเพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ
ในการขจัดปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ( จชต.) จึงเป็นสิ่งท้าทายในการที่จะศึกษา
เพื่อหาคำตอบดังกล่าว และนำไปสู่การจัดทำเป็นข้อเสนอ
และแนวทางการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ให้กับรัฐบาลและหน่วยที่ปฏิบัติงานอยู่ใน
๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
๑.
เพื่อศึกษาองค์ความรู้ด้านกำลังอำนาจแห่งชาติ
ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
๒.
เพื่อจัดทำเป็นข้อเสนอ และแนวทางการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ในระดับยุทธศาสตร์ลงมา
ขอบเขตของการวิจัย
การศึกษาวิจัยฯ
นี้ กำหนดขอบเขตในการศึกษาเฉพาะพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ได้แก่
จังหวัดยะลา , จังหวัดปัตตานี , จังหวัดนราธิวาส และพื้นที่บางส่วนของจังหวัดสงขลา
วิธีดำเนินการวิจัย
การศึกษาวิจัยดังกล่าวฯ เป็นการวิจัยโดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ
กำหนดกรอบความคิดในการวิจัยฯ โดยอ้างอิงหลักธรรมอริยะสัจสี่ คือ ทุกข์
(ปัญหา) สมุทัย (เหตุแห่งปัญหา) นิโรธ (แนวทางแก้ปัญหา) มรรค (การหลุดพ้นปัญหา)
ใช้กระบวนการศึกษาข้อมูลปฐมภูมิ จากข้อมูล เอกสาร สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อออนไลน์ บทความ งานวิจัยฯที่เกี่ยวข้อง
การศึกษาข้อมูลทุติยภูมิ โดยการสัมภาษณ์เชิงลึกเจ้าหน้าที่ ผู้เคยปฏิบัติงานและผู้เชี่ยวชาญต่างๆ การวิเคราะห์เปรียบเทียบข้อมูลข้อเท็จจริงและผลการปฏิบัติที่ผ่านมา การบูรณาการความรู้
เพื่อแสวงหาข้อค้นพบจากการศึกษาวิจัยฯ และสรุปเป็นข้อเสนอแนะ
แนวทางที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อสร้างเป็นองค์ความรู้แบบองค์รวม จัดทำเป็นข้อเสนอเชิงโครงสร้าง
และเชิงกระบวนการ เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ
ในการขจัดปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในระดับยุทธศาสตร์ ลงมา
ผลการวิจัย
ผลการศึกษาวิจัยฯ
พบว่า นโยบายการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล และการใช้กลไกกำลังอำนาจแห่งชาติ ด้านการเมือง
เศรษฐกิจ สังคมจิตวิทยา และการทหาร
เพื่อเป็นเครื่องมือในการดำเนินการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในที่ผ่านมาของหน่วยงานต่างๆ
ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ยังไม่สอดคล้องกับสภาพมูลเหตุและลำดับความสำคัญของปัญหา
ตลอดจนการใช้กำลังอำนาจแห่งชาติในด้านต่างๆ ยังขาดความสมดุล
ไม่สอดรับกับน้ำหนักความสำคัญของปัญหา
โดยให้น้ำหนักการใช้กำลังอำนาจแห่งชาติในด้านการทหารเป็นหลักเช่นในอดีต
ส่งผลกระทบทางด้านลบทางด้านสังคมจิตวิทยา
สร้างเงื่อนไขและขยายปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ให้ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น
รัฐบาลเริ่มมองเห็นว่า
แนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร
จึงได้ปรับยุทธศาสตร์ นโยบาย และแนวทางการปฏิบัติ
โดยให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาความรุนแรงด้วยนโยบายการเมืองนำการทหาร
ซึ่งเป็นแนวทางที่ถูกต้อง แต่การแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติ ซึ่งมีปัจจัย
และองค์ประกอบของสภาพแวดล้อมทางสังคมที่มีความเป็นอัตลักษณ์ มีความแตกต่างในหลายๆ
ด้าน รวมถึงการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างหน่วยงาน องค์กร ทั้งภาครัฐ ธุรกิจเอกชน
และประชาชน ยังขาดการบูรณาการและจัดการความรู้จากบทเรียนการปฏิบัติงานที่ผ่านมา
ทำให้เกิดปัญหาวนเวียนซ้ำซาก และไม่มีแนวทางการปฏิบัติงานที่ชัดเจน
การแก้ปัญหาความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
จึงได้ข้อสรุปว่า จะต้องแก้ด้วยการเมืองนำการทหาร การเมืองการปกครองเป็นหัวใจสำคัญของปัญหาความขัดแย้งทางสังคม
และปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งมาตรการสุดท้ายที่จะนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหาคือ
การใช้มาตรการทางทหาร การแก้ปัญหาการปกครองต้องคำนึงถึง ๓ องค์ประกอบ คือ ความสมดุลของกำลังอำนาจแห่งชาติในด้านต่างๆ
ทั้งด้านการเมือง-การปกครอง ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคมจิตวิทยา และด้านการทหาร, การให้ความสำคัญกับปัจจัยวัฒนธรรม
และการคำนึงถึงปัญหาอำนาจรัฐในการแก้ปัญหา กำลังอำนาจแห่งชาติด้านเศรษฐกิจเป็นเครื่องมือส่งเสริมและสนับสนุน
และการใช้กำลังอำนาจแห่งชาติด้านการทหารจะพยายามใช้เท่าที่จำเป็น
การศึกษาวิจัยดังกล่าวฯ ได้ให้ทั้งองค์ความรู้ในด้านต่างๆ
ทั้งบริบทด้านปูมหลังประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ สภาพแวดล้อมทางสังคมจิตวิทยา
สภาพแวดล้อมของพื้นที่ สภาพเงื่อนไขปัญหาความรุนแรง วัฒนธรรมขององค์กร
และแนวทางการทำงานของหน่วยงานต่างๆ บทเรียนจากการปฏิบัติงาน
แนวทางการบูรณาการองค์ความรู้ในการปฏิบัติงานร่วมกันในการแก้ไขปัญหา และข้อเสนอแนะเชิงโครงสร้าง
โดยเฉพาะด้านนโยบายที่สำคัญและสอดรับกับการใช้กำลังอำนาจแห่งชาติที่สมดุล ๔ ด้าน
ซึ่งประกอบด้วยมาตรการเร่งด่วนที่สำคัญในแต่ละด้าน และข้อเสนอเชิงกระบวนการเพื่อกำหนดหน้าที่
ความรับผิดชอบ และแนวทางการดำเนินการของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในบูรณาการและการใช้กำลังอำนาจแห่งชาติทั้งมวล
เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ
ในการขจัดปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน
ดังนี้
๑.
นโยบายปกครองและบริหารงานแบบธรรมาภิบาลเพื่อสันติสุขในพื้นที่
จชต.
๑.๑ มาตรการปกครองและการบริหารแบบธรรมาภิบาล เพื่ออำนวยการแก้ปัญหาโดยมีความชอบธรรม
และสันติ
๑.๒ มาตรการติดตามและเร่งรัด
๑๗ กระทรวง และ ๖๖ หน่วยงาน ให้เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น
รวมทั้งจัดทำแผนงาน/โครงการบูรณาการให้ตรงกับ ๒๙ เป้าหมาย ยุทธศาสตร์ร่วม
๑.๓ มาตรการลงโทษข้าราชการที่ทุจริตและประพฤติมิชอบอย่างเด็ดขาด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความโปร่งใส
๑.๔
มาตรการเปิดช่องทางพูดคุย เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาความรุนแรงในพื้นที่
๑.๕
มาตรการสร้างแรงจูงใจในการเข้าสู่กระบวนการแก้ไขปัญหา เพื่อหาทางออกไปสู่สันติ
๑.๖ มาตรการบูรณาการกฎหมาย ให้มีความเป็นเอกภาพ
๑.๗
มาตรการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ เท่าเทียม เป็นธรรม และเสมอภาค
๑.๘ มาตรการสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการปกครองให้เป็นที่พึ่งของประชาชน
๑.๙ มาตรการส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการดำเนินงานของรัฐ
๒. นโยบายผสมผสานความเป็นอัตลักษณะกับความเป็นไทยสู่สากล
๒.๑
มาตรการส่งเสริมความเท่าเทียมทางสังคม
๒.๒
มาตรการสร้างสำนึกร่วมในการเป็นคนไทยมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของประเทศ
และได้รับผลประโยชน์เท่าเทียมกัน
๒.๓ มาตรการสร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมให้เป็นที่พึ่งของประชาชน
๒.๔ มาตรการคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
และมีอิสรเสรีภาพในการการดำรงอยู่ในชีวิตประจำวัน
๒.๕
มาตรการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันภัยทางสังคม
๒.๖ มาตรการพัฒนา ส่งเสริมการศึกษาในทุกระดับที่สอดคล้องกับความต้องการ วิถีชีวิต และวัฒนธรรมของพื้นที่ ตลอดจนการก้าวข้ามสู่ความเป็นสากล
๒.๗
มาตรการเสริมสร้างความสัมพันธ์กับมวลชน สื่อภาครัฐและเอกชน สถาบัน การศึกษา สถาบันทางศาสนา ตลอดจนเวทีสาธารณะ เพื่อเผยแพร่ความเข้าใจ ตามหลักการเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา
๓. นโยบายพัฒนาเศรษฐกิจอย่างสมดุลและยั่งยืน
๓.๑
มาตรการพัฒนาเสริมสร้างเศรษฐกิจในพื้นที่อย่างสมดุลและยั่งยืน เพื่อยกระดับมาตรฐานการครองชีพของประชาชนให้มีความอยู่ดีกินดีตามฐานะ
๓.๒ มาตรการยกระดับมาตรฐานการครองชีพของประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน
๓.๓
มาตรการสร้างแรงจูงใจในการประกอบอาชีพธุรกิจในพื้นที่
๓.๔
มาตรการเยียวยากระทบในด้านเศรษฐกิจ
ในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่
๔. นโยบายลดปัญหาความรุนแรงในพื้นที่
๔.๑ มาตรการด้านประสิทธิภาพของการข่าว
๔.๒ มาตรการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
๔.๓ มาตรการป้องกันการก่อเหตุร้ายเขตภายใน ๗ เมืองเศรษฐกิจ
๔.๔ มาตรการลดอิทธิพลภายในเขต ๖ เมืองของผู้ก่อเหตุรุนแรง
๔.๕ มาตรการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับตำรวจ และ อส.
รวมทั้งภาคประชาชน เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานเชิงรับแทนเจ้าหน้าที่ทหาร
๔.๖ มาตรการทำลายขบวนการยาเสพติดทุกชนิดและน้ำมัน/สินค้าหนีภาษี
ให้หมดไปจากพื้นที่โดยเร็ว เพื่อลดปัญหาอิทธิพลและผลประโยชน์
๔.๗
มาตรการทำลายขบวนการผู้มีอิทธิพล และเจ้าหน้าที่ที่ประพฤติมิชอบ เพื่อลดปัญหาแทรกซ้อน
๔.๘ มาตรการควบคุมช่องทางการผ่านเข้า – ออก ตามแนวชายแดน เพื่อตัดเส้นทางการสนับสนุน
๔.๙
มาตรการกดดันและปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อจำกัดเสรีในการปฏิบัติของฝ่ายก่อเหตุความรุนแรง
๔.๑๐
มาตรการเปิดช่องทางเพื่อให้ผู้ก่อเหตุความรุนแรงออกมามอบตัว
ข้อเสนอแนะ
นอกจากข้อเสนอแนะในเชิงโครงสร้าง
และเชิงกระบวนการ ตลอดจนแนวทางการดำเนินการดังกล่าวแล้ว
สิ่งที่สำคัญที่จะต้องนำไปพิจารณาดำเนินการควบคู่กันไปคือ
ข้อเสนอแนะในด้านการใช้กำลังอำนาจแห่งชาติในด้านต่างๆ คือ ด้านการเมือง เศรษฐกิจ
สังคมจิตวิทยา และการทหาร ที่ได้เสนอไว้ท้าย บทที่ ๔
เพื่อให้เกิดความสอดคล้องกับน้ำหนักความสำคัญของเงื่อนไขปัญหา
และเกิดความสมดุลในการใช้กำลังอำนาจแห่งชาติ
เพื่อเป็นกลไกเครื่องมือในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์ของชาติ
และวัตถุประสงค์มูลฐานของชาติต่อไป
สำหรับข้อเสนอแนะด้านวิชาการ
เนื่องจากสภาวะแวดล้อมของโลก สถานการณ์การเมืองภายในประเทศ และสถานการณ์ในพื้นที่ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา
ตลอดจนผลกระทบจากการเคลื่อนไหวเพื่อรวมกลุ่มของประเทศเศรษฐกิจอาเซียน ( AEC ) ในปี
๒๕๕๘ ยังคงเป็นปัจจัยและมีอิทธิพลต่อการก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่ ดังนั้นผลการศึกษาวิจัยฯนี้ จึงควรได้มีการพิจารณาทบทวนสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอก
เพื่อดำเนินการแก้ไขปรับปรุงข้อเสนอแนะต่างๆ ที่เป็นผลจากการศึกษาวิจัยฯ
ให้มีความทันสมัย และสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น