วันพฤหัสบดีที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

ประเทศไทย 4.0 กับ กองทัพ ศตวรรษ ที่ 21 ( Thailand 4.0 vs. Force 21 )

ประเทศไทย 4.0 กับ กองทัพ ศตวรรษ ที่ 21
( Thailand 4.0 vs. Force 21 )
โดย พลตรี ฤทธี อินทราวุธ
ผู้อำนวยการศูนย์ไซเบอร์กองทัพบก

อะไร? อะไร? ก็ 4.0 ประเทศไทยในยุคสมัยนี้ หากใครไม่พูดถึง “ ไทยแลนด์ 4.0 ” ( Thailand 4.0 ) ก็จะตกยุคตกสมัยไป ทั้งที่หลายต่อหลายคนก็ยังไม่ค่อยจะเข้าใจอะไรมากนัก ที่ว่าไม่เข้าใจหมายถึง นึกภาพความเป็นจริงไม่ค่อย
ออกว่าหน้าตา “ ไทยแลนด์ 4.0 ” มันเป็นอย่างไร
และมีที่มาที่ไปเป็นอย่างไร? รวมถึง โมเดล 4.0 ได้ถูกนำไปใช้ในหลายๆ องค์กรอย่างแพร่หลาย แทบจะเรียกว่าเป็น กระแส 4.0 หรือ 4.0 ฟีเวอร์ เพื่อให้สอดรับกับ “ ไทยแลนด์ 4.0 ” ยกเว้นหน่วยงานของกองทัพ

ข้อเท็จจริง ไทยแลนด์ 4.0 เป็นเรื่องของการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยการพัฒนาประเทศในยุค 1.0 เราถือว่าเป็น ยุคเกษตรกรรม จากนั้นก็พัฒนากลายเป็นยุค 2.0 ที่มีการนำเครื่องจักรเข้ามาช่วยงานหรือเป็นยุคอุตสาหกรรมเบา ในขณะที่ยุค 3.0 เป็นยุคอุตสาหกรรมหนักและมีการลงทุนจากต่างชาติ อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจในยุค 3.0 ยังมีความเปราะบางต่อสถานการณ์โลก และประเทศไทยยังไม่สามารถก้าวข้ามความเป็นประเทศรายได้ปานกลาง

ดังนั้นการนำมาสู่ “ ไทยแลนด์ 4.0 ” จึงเป็นการเน้นที่จะแก้ปัญหาให้ประเทศหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง โดยการพัฒนาโครงสร้างระบบเศรษฐกิจใหม่ที่เรียกว่า New Economy Model มีการใช้ “ หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ” ( Sufficiency Economy ) ที่ประชาชนสามารถสร้างรายได้ได้ด้วยตนเอง มีการปฏิรูปทั้งโครงสร้างในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น ภาคธุรกิจ การเกษตร การศึกษา และแรงงาน จากระบบเศรษฐกิจที่เน้นการผลิตโดยใช้แรงงาน เครื่องจักร และทรัพยากร เปลี่ยนมาเป็นการผลิตบนฐานความรู้และเทคโนโลยี  โดยมีการดึงสถาบันวิจัยระดับโลกเข้ามาตั้งในประเทศไทย และมีความร่วมมือระหว่างรัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา และสถาบันการเงิน ให้มากขึ้นที่เรียกว่า ประชารัฐ โดยมีเป้าหมายให้เกิดผลสัมฤทธิ์ภายใน 3 - 5 ปี โมเดลไทยแลนด์ 4.0 ที่เป็น Value-based Economy จะต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างการผลิต เน้นการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการ โดยมีเป้าหมาย 5 กลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่

1.กลุ่มอาหาร, เกษตรกรรม และเทคโนโลยีชีวภาพ ( Food, Agriculture & Bio-tech )

2.กลุ่มสาธารณสุข บริการสุขภาพ และเทคโนโลยีการแพทย์ ( Health, Wellness & Bio-medical )

3.กลุ่มเครื่องมืออุปกรณ์อัจฉริยะ, หุ่นยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์ ( Smart Devices, Robotics & electronic )

4.กลุ่มดิจิตอล และเทคโนโลยีสมองกลแบบฝังตัว (  Digital & Embedded Technology )

5.กลุ่มอุตสาหกรรม สร้างสรรค์ และการบริการที่มีมูลค่าสูง ( Creative, Culture & High Value Service )

สำหรับบรรดาหน่วยงานกองทัพ ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านความมั่นคง ที่มีแผนงานการพัฒนาเสริมสร้างกำลังกองทัพอย่างเป็นระบบ ตามแผนยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศของกระทรวงกลาโหม ที่พิจารณาจากความมั่นคงของโลก ภัยคุกคามของภูมิภาค สถานการณ์ภายในประเทศ ให้สอดคล้องกับสภาวะแวดล้อมด้านความมั่นคงที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมีประเด็นยุทธศาสตร์ของกระทรวงกลาโหมทั้ง ๓ ด้าน คือ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ : การป้องกันเชิงรุก,  ยุทธศาสตร์ที่ ๒  : การผนึกกำลังป้องกันประเทศ และยุทธศาสตร์ที่ ๓ : การสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคง
การกำหนดแผนพัฒนาเสริมสร้างกองทัพแบ่งออกเป็น 4 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ระหว่างปี 2560 – 2564 , ระยะที่ 2 ระหว่างปี 2565 - 2569  , ระยะที่ 3 ระหว่างปี 2570 - 2574 และระยะที่ 4 คือ 2575 - 2579 ทั้งนี้ตามแผนยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศของกระทรวงกลาโหมได้เล็งเห็นว่า ภัยคุกคามที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า ไม่ใช่ภัยคุกคามที่ต้องใช้กำลังขนาดใหญ่เข้าปราบปรามเหมือนเช่นในอดีตที่ผ่านมา จึงมีความจำเป็นต้องลดคน แต่ต้องคงกำลังกองทัพให้เหมาะสม ทัดเทียมกับประเทศในภูมิภาค เพื่อความสมดุลของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ การต่อรองผลประโยชน์ของชาติ โดยที่ไม่ต้องอาศัยพึ่งพาประเทศมหาอำนาจ
สิ่งที่สำคัญที่มาเสริมขีดความสามารถของกองทัพ ในยุคศตวรรษที่ 21  คงหนีไม่พ้นการพัฒนาขีดความสามารถด้านการปฏิบัติการไซเบอร์ ( Cyber Operation ) เพื่อรองรับกับภัยคุกคามไซเบอร์ในพื้นที่ปฏิบัติการทางทหารที่ 5 ( Cyber Domain ) ตามแผนยุทธศาสตร์ไซเบอร์ของกระทรวงกลาโหม ที่กำหนดไว้รวม ๓ ด้าน คือ การป้องกัน,  การป้องปราม และการผนึกกำลัง โดยแผนแม่บทไซเบอร์เพื่อการป้องกันประเทศกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2560 – 2564   จะครอบคลุมแผนงานหลัก 6 แผนงาน ได้แก่ แผนการจัดองค์กรด้านไซเบอร์, แผนการป้องกันระบบโครงสร้างพื้นฐาน, แผนการพัฒนาความพร้อมการปฏิบัติการไซเบอร์เชิงรุกและการปฏิบัติการสงครามไซเบอร์, แผนการดำรงและพัฒนาศักยภาพด้านไซเบอร์, แผนการสนับสนุนศักยภาพทางไซเบอร์ระดับชาติ และแผนงานความร่วมมือและผนึกกำลังด้านไซเบอร์
ดังนั้น คงจะเป็นที่หายสงสัยว่า ทำไมกองทัพจึงไม่มี “ กองทัพ 4.0 ” จะมีแต่คำว่า “ กองทัพศตวรรษที่ 21 ” ( Force 21 ) แทน เพราะหน่วยงานกองทัพมุ่งพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถทางการทหารขององค์กรด้านการรักษาความมั่นคงของชาติ มิใช่มุ่งเน้นการแข่งขันเชิงธุรกิจ

---------------------------------------------

อ้างอิง :
http://www.thairath.co.th/content/613903
http://www.komchadluek.net/news/scoop/226657

http://www.komchadluek.net/news/politic/239087

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น