สื่อสารมวลชน กับ เทคโนโลยีสารสนเทศ
( Mass communication vs. Information Technology )
โดย พลตรี ฤทธี อินทราวุธ
ผู้อำนวยการศูนย์ไซเบอร์กองทัพบก
ตามที่ ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี
เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ 11 ด้าน 120 คน จากทั้งหมด 165 คน เพื่อจัดทําแผนการปฏิรูปประเทศและดําเนินการให้เป็นไปตามที่กําหนด
ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด 16 บัญญัติให้ดําเนินการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ
ตามที่กําหนดในมาตรา 258 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
และกฎหมายว่าด้วยแผนและขั้นตอนการดําเนินการปฏิรูปประเทศ
ซึ่งได้มีการตราพระราชบัญญัติแผนและขั้นตอนการดําเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. 2560 มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2560 เพื่อให้เป็นไปตามมาตรา 8 มาตรา 10 มาตรา 14 และมาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัติแผนและขั้นตอนการดําเนินการปฏิรูปประเทศ
พ.ศ.2560 ที่บัญญัติให้คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ
ตามที่กําหนด [ 1 ]
คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านอื่นๆ ส่วนใหญ่จะเข้าใจและเห็นภาพความชัดเจน
ยกเว้น “ คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสื่อสารมวลชน เทคโนโลยีสารสนเทศ ” ว่ามันเป็นการปฏิรูปด้านสื่อสารมวลชนที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ การปฏิรูปด้านสื่อสารมวลชนและการปฏิรูปด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ กันแน่ ซึ่งความหมายของคำว่า
“ สื่อสารมวลชน” ( Mass communication ) เป็นคำที่ใช้อธิบายถึง สาขาวิชาที่เกี่ยวกับการถ่ายทอดข้อมูลผ่านสื่อมวลชนให้คนส่วนใหญ่ มักมีความหมายเกี่ยวข้องกับหนังสือพิมพ์ นิตยสาร วิทยุ โทรทัศน์ ภาพยนตร์ ที่ใช้ในการเผยแพร่ข่าวหรือโฆษณา[ 2 ]
ถ้าเป็นกรณีแรก
กล่าวคือ การปฏิรูปด้านสื่อสารมวลชนที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
ก็อาจจะไม่ครอบคลุมงานด้านสื่อสารมวลชนในยุคปัจจุบัน ซึ่ง คณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการสื่อสารมวลชน[ 3 ]ได้กำหนดประเด็นสำคัญเร่งด่วนในการปฏิรูปประเทศด้านสื่อสารมวลชน
๓ ด้าน ตามลำดับความสำคัญดังนี้ คือ ด้านสื่อสารออนไลน์ , ด้านสื่อวิทยุกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์และด้านโทรคมนาคม และด้านสื่อสิ่งพิมพ์
ถ้าเป็นกรณีหลัง
คือ การปฏิรูปด้านสื่อสารมวลชนและการปฏิรูปด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ก็ควรจะแยกคณะกรรมการปฏิรูปแต่ละด้านออกจากกัน
คือ คณะกรรมการปฏิรูปด้านสื่อสารมวลชน และคณะกรรมการปฏิรูปด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เพราะมันคนละสาขาวิชาการ
โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ[ 4 ] ( Information Technology ) คือ การประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์โทรคมนาคม เพื่อจัดเก็บ
ค้นหา ส่งผ่าน และจัดดำเนินการข้อมูล ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับธุรกิจหนึ่งหรือองค์การอื่น
ๆ โดยปกติก็ใช้แทนความหมายของเครื่องคอมพิวเตอร์และเครือข่ายคอมพิวเตอร์
และยังรวมไปถึงเทคโนโลยีการกระจายสารสนเทศอย่างอื่นด้วย เช่นโทรทัศน์และโทรศัพท์ อุตสาหกรรมหลายอย่างเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
ตัวอย่างเช่น ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ อินเทอร์เน็ต อุปกรณ์โทรคมนาคม การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และบริการทางคอมพิวเตอร์
วิทยาการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ[ 5 ] ยังมีการแบ่งสาขาวิชาการแยกย่อยออกเป็นด้านต่างๆ
จำนวนมากมาย ตัวอย่างคณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของมหาวิทยาลัยมหิดล
เช่น สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ ( Computer Science ), สาขาระบบฐานข้อมูลและระบบเชิงปัญญา ( Database and Intelligent Systems ), สาขาระบบสื่อผสม
( Multimedia Systems ), สาขาระบบธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์
( E-Business Systems ), สาขาวิศวกรรมซอฟแวร์
( Software Engineering ), สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ
( Information Technology ), สาขาระบบเครือข่ายสื่อสาร
( Computer Network ), สาขาการจัดการระบบสารสนเทศ
( Management Information System ) เป็นต้น
จะเห็นได้ว่าด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ
ซึ่งควรจะต้องมีการปฏิรูปเช่นเดียวกับด้านอื่นๆ เพราะการปฏิรูปด้านเทคโนโลยีสารสนเทศมีความจำเป็นและเป็นพื้นฐานของการพัฒนาคนซึ่งเป็นทรัพยากรมนุษย์
( Human Resource ) ที่มีความสำคัญยิ่งของประเทศ รวมถึงการปฏิรูปด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการสนับสนุนการปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ
โดยเฉพาะการพัฒนาประเทศไปสู่ Thailand 4.0 [ 6 ]
เมื่อกล่าวถึงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ก็คงจะหนีไม่พ้นที่จะต้องกล่าวถึง
ภัยคุกคามด้านไซเบอร์ ( Cyber Threats ) หรือการก่อการร้ายทางไซเบอร์
( Cyber Terrorism ) และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ( Cyber Security ) ซึ่งเป็นขอคู่กัน ตามที่นาย
Richard A. Clarke ได้บรรยายเรื่อง
Cyber Security
ในงานสัมมนาวิชาการ วันสื่อสารแห่งชาติ ประจำปี 2560 ที่ผ่านมา[ 7 ] ซึ่งที่ผ่านมาการดำเนินการในเรื่องดังกล่าว ยังไม่มีแนวทางการปฏิรูปและการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนในระดับประเทศ
มีแต่เพียงต่างคน ต่างคิด ต่างทำ ทั้งๆ ที่เรามีบุคลากรและผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์การทำงานในด้านนี้ แต่ไม่มีโอกาสทำ
ดังนั้น
การปฏิรูปประเทศด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์
จึงมีความจำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ อย่าปล่อยให้ประเทศเพื่อนบ้านหรือในภูมิภาคอาเซียนปฏิรูปและพัฒนาประเทศแซงหน้าไปไกลแล้ว
เราค่อยไล่ตามแบบที่ผ่านมาในอดีต
หรือปล่อยให้มีการถูกโจมตีทางไซเบอร์จนเกิดความเสียหาย
แล้วค่อยมาคิดหาทางป้องกันแบบสุภาษิตโบราณว่า “ วัวหาย ล้อมคอก ”
-----------------------------------------
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
[ 2 ] https://th.wikipedia.org/wiki/สื่อสารมวลชน
[ 4 ] https://th.wikipedia.org/wiki/เทคโนโลยีสารสนเทศ
[ 7 ] https://www.thairath.co.th/content/1031479
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น