วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555

คลื่นลูกที่สาม VS สยามาภิวัตน์ ( The 3rd Wave VS Siamization)

คลื่นลูกที่สาม VS สยามาภิวัตน์ 
( The 3rd Wave VS Siamization) 
โดย พันเอก ฤทธี  อินทราวุธ
รองผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีทางทหาร
นักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ๒๕๕๕

เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว กระแสโลกาภิวัตน์ ( Globalization) นับว่ามาแรงมาก คนจากทุกมุมโลก ทั้ง
ชาวตะวันตก ชาวตะวันออก จากทวีปอเมริกา ยุโรป จรดเอเชียอาคเนย์  ต่างพูดถึงการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการวิวัฒนาด้านการติดต่อสื่อสาร การคมนาคมขนส่ง และเทคโนโลยีสารสนเทศ อันแสดงให้เห็นถึงการเจริญเติบโตของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การเมือง เทคโนโลยี และวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงระหว่างปัจเจกบุคคล ชุมชน หน่วยธุรกิจ และรัฐบาลทั่วทั้งโลก
  ประเทศไทยเราก็ไม่ได้น้อยหน้ามีการบัญญัติศัพท์แสงใหม่ๆ เกิดขึ้นตามมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดรับกับยุคกับสมัย ไม่งั้นจะกลายเป็นคนตกยุค ตกสมัย ไดโนเสาร์ เต่าล้านปีไป แม้กระทั้งศัพท์แสงด้านความขัดแย้งทางการเมือง การปกครอง ยังอุตส่าห์หาคำมาบัญญัติ เช่น ประชาภิวัตน์ ตุลาการภิวัตน์  เป็นต้น
เมื่อกล่าวถึง กระแสโลกาภิวัตน์ ก็มักจะอ้างอิงบทความในหนังสือยอดฮิตอยู่เล่มหนึ่ง ชื่อ คลื่นโลกที่สาม หรือ The Third Wave เขียนโดย นายอัลวิน ทอฟฟ์เลอร์ ( Alvin Toffler ) เมื่อปี 1991 และสุกัญญา ตีระวนิช นำมาแปลพิมพ์ในพ.ศ. 2532 เนื้อหาหนังสือเล่มนี้กล่าวถึง วิวัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงของมนุษย์โลก โดยผู้เขียนได้แบ่งการวิวัฒนาการออกเป็น 3 ห้วงเวลา หรือ 3 ระลอกคลื่น กล่าวคือ คลื่นลูกที่หนึ่ง ( The First Wave ) เป็นการวิวัฒนาการของมนุษย์โลกยุคหิน ( Stone Age ) ซึ่งเคยอาศัยอยู่ในถ้ำตามป่าตามเขา อาศัยการเก็บพืชผลไม้ และการล่าสัตว์ป่ามาประทังชีพ เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตมาสู่ยุคเกษตรกรรม ( Agriculture Age ) โดยการตั้งหลักปักฐานอยู่เป็นที่เป็นทาง ปลูกพืช ทำไร่ เลี้ยงสัตว์ป่าที่จับหามาได้ มาเพาะขยายพันธุ์ เพื่อเพิ่มปริมาณให้เพียงพอต่อการใช้งานและนำมาเป็นอาหาร ส่วนคลื่นลูกที่สอง ( The Second Wave ) เป็นวิวัฒนาการของมนุษย์ครั้งสำคัญอีกยุคหนึ่ง ที่เรียกกันว่ายุคอุตสาหกรรม ( Industrial Age) โดยการนำเครื่องมือ เครื่องจักรกล เครื่องทุ่นแรงต่างๆ มาช่วยในการทำงานแทนแรงคน แรงสัตว์ จนนักประวัติศาสตร์เรียกว่าเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรม ( Industrial Revolution ) และระลอกคลื่นลูกล่าสุด  ( แต่คงมิใช่คลื่นลูกสุดท้ายตามคำทำนายเรื่อง วันสิ้นโลก หรือ วันโลกาวินาศ 2012 ของชาวเผ่ามายา มายัน ที่สร้างออกมาเป็นอภิมหากาพย์ ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ระทึกขวัญเขย่าโลก และสุดท้ายก็โขกเอาเงินในกระเป๋าผู้ชมภาพยนตร์ทั่วโลกนับพันล้าน สบายใจกันไป ) ที่กำลังถาโถมโหมพัดกระหน่ำโลกอยู่ในยุคปัจจุบันนี้ ก็คือ คลื่นลูกที่สาม ซึ่งเป็นที่มาของชื่อหนังสือ The Third Wave ซึ่งกล่าวถึง วิวัฒนาการมาถึงอารยธรรมมนุษย์แห่งสังคมข้อมูลข่าวสารและเทคโนโลยีสารสนเทศ จนหลายท่านกล่าวได้ว่าเป็นยุคข้อมูลข่าวสาร ( Information Age) หรือ ยุคเทคโนโลยีสารสนเทศ ( Information Technology Age ) โดยทั่วโลกต่างให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ และการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตเข้าสู่สังคมข้อมูลข่าวสาร
การวิวัฒนาการทางสังคมไทย ได้มีนักวิชาการ และนักประวัติศาสตร์หลายท่าน ได้เขียนบทความออกมาเผยแพร่ในหลาย ๆ แนว ทั้งแนวประวัติศาสตร์ รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศาสตร์ต่าง ๆ ตามภูมิปัญญาและจิตนาการของผู้เขียน สำหรับวิวัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมของคนไทย ในมุมมองที่เทียบเคียงกับหนังสือ คลื่นลูกที่สาม นั้น หากบูรณาการทั้งแนวประวัติศาสตร์ สังคม การเมือง การปกครอง และวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี นำมาผูกเรื่องผูกราวแบบขำๆ กันเป็นยุคๆ ก็จะแบ่งได้ออกเป็น 3 ยุค เช่นเดียวกับ The Third Wave เพียงแต่ห้วงระยะเวลาแตกต่างกันไปตามสภาพแวดล้อมของ สังคมไทย กับ สังคมโลก
ประเทศไทยยุคแรกๆ เรียกกัน ประเทศสยาม ( Siam ) ด้านประวัติศาสตร์ได้ยึดถือเอายุคสมัยพ่อขุนผาเมือง และพ่อขุนบางกลางหาว ซึ่งได้โค่นล้มอิทธิพลของขอม และรวบรวมอาณาจักรต่าง ๆ ของคนไทยมารวมเป็นปึกแผ่นเรียกว่า อาณาจักรสุโขทัย  และสถาปนาเป็นพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรสุโขทัย ซึ่งขณะนั้นสังคมไทย หรือสยามประเทศยังไม่มีภาษาไทยใช้ บ้างก็ใช้ภาษาขอม ภาษามอญ ภาษาบาลี ภาษาสันสกฤต ต่อมาในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราชได้ทรงประดิษฐ์ลายสือไทย ( อักษรไทย ) บนศิลาจารึกเป็นครั้งแรกและใช้เป็นภาษาประจำชาติ อ้างอิงตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ชาติไทย  จึงถือได้ว่ายุคนั้นเป็นยุคของการวิวัฒนาทางสังคมของไทยเป็นครั้งแรก จึงเรียกว่า ยุค มึง - กู เพราะยุคสมัยนั้น คนไทยใช้สรรพนาม มึง - กู ตามศิลาจารึก ในการสนทนาและการติดต่อสื่อสารกันในสังคมไทย ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
ต่อมาในยุคสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ภายใต้การนำของ ฯพณฯ จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ผู้เปลี่ยนชื่อ ประเทศสยาม เป็น ประเทศไทย และประเทศไทยกำลังตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของประเทศมหาอำนาจชาติตะวันตก ที่กำลังแผ่ขยายอิทธิพลเมืองขึ้นลงมาด้านเอเชียบูรพา ในยุคล่าอาณานิคม จอมพล ป. เล็งเห็นว่า ขนบธรรมเนียน ประเพณี วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของสังคมไทยในขณะนั้น ล่อแหลมต่อการตกเป็นเมืองขึ้นของมหาอำนาจชาติตะวันตกจึงได้ประกาศนโยบายการสร้างชาติ และกุศโลบายเพื่อเปลี่ยนแปลงขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรมการแต่งกายของคนไทย จากนุ่งผ้าม่วง เสื้อราชปะแตน  มาเป็นการสวมกางเกง สวมกระโปรง สวมหมวก และเปลี่ยนการใช้สรรพนามใหม่เป็น ฉัน-ท่าน เพื่อให้ดูศิวิไลขึ้น ยุคนั้นจึงถือเป็น ยุค ฉัน - ท่าน การวิวัฒนาการทางสังคมไทยในยุคสมัยนั้น ทำให้ประเทศไทยรอดพ้นจากการตกไปเป็นเมืองขึ้นของมหาอำนาจชาติตะวันตก
ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการดำรงชีวิตของคนไทยในสังคมเป็นส่วนใหญ่ ทุกเพศ ทุกวัย ตามกระแสโลกาภิวัตน์ โดยเฉพาะ คลื่นลูกที่สาม ในยุคสังคมข้อมูลข่าวสาร หรือ ยุคไอที ตามที่ได้กล่าวมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นวัยเรียน วัยทำงาน หรือ วัยพักผ่อน ( วัยเกษียณอายุ ก็ต้องดูแลลูก-หลาน ) ทุกคนจะต้องสามารถติดต่อสื่อสารข้อมูลกันได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นวันทำงาน วันหยุด ทั้งในกรุง นอกกรุง ต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ สังคมไทยส่วนใหญ่ต่างหนีไม่พ้นที่จะต้องใช้เครื่องมืออุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ( ICT ) ตลอดจนการใช้งานแอฟฟลิเคชั่น ( Application ) หรือเรียกย่อๆ ว่า แอฟต่างๆ ยุคสมัยนี้ก็เลยกลายเป็น ยุค ไอ้ - อี ( i - e ) ไปโดยปริยายและไม่ได้สื่อความหมายเกี่ยวกับสรรพนามเช่นยุดก่อนๆ เพราะวิถีชีวิตของคนส่วนใหญ่ในสังคมไทย ต่างก็ใช้อุปกรณ์และแอฟ ไอ้ - อี  ( i - e )  กันตลอดเวลา
ไอ ( i )  หรือ ไอ้ ( การออกเสียง Essence แบบไทย แนวกวนๆ )  ได้มีผู้อธิบายความหมายและที่มาที่ไปอย่างหลากหลาย จนไม่แน่ใจว่าจริงๆ แล้วมันคืออะไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆ คนทั่วโลกต่างรู้จักกันดี รวมทั้งคนไทย บ้างก็ว่า บริษัท Apple เจ้าของผลิตภัณฑ์ iPhone , iPad และ iPod  เป็นเจ้าแรกที่นำมาใช้ โดยมีสื่อความหมายแทนคำว่าอินเตอร์เน็ต ( internet ) ต่อมาก็มีคนพยายามอธิบายว่า น่าจะหมายถึงข้อมูลข่าวสาร ( information ) ตามยุคตามสมัย ไปจนหมายถึง ความฉลาดเฉลียว ( intelligence ) แต่ก็มีคนบางกลุ่มตีความแบบสุดขั้วว่า หมายถึง ความปัญญาอ่อน ( idiot ) ที่จะต้องกระเสือกกระสนหาเรื่องเสียกระตังค์ เพื่อสนองความอยากทันสมัย แต่ใช้งานไม่คุ้มเงิน ก็ต้องใช้วิจารณญาณในการอ่านและการตีความเอาเอง
อุปกรณ์ตระกูลไอ้ ( I ) เป็นอุปกรณ์เครื่องมือไฮเทคระบบดิจิตอล ที่คนในสังคมไทยสมัยใหม่นิยมใช้กันมาก ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ iPhone / iMobile , อุปกรณ์บันเทิงหรือเครื่องเสียงดิจิตอลสำหรับฟังเพลง iPod  และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพา iPad  เป็นต้น
แอฟตระกูลไอ้ ( i ) เป็นโปรแกรมประยุกต์ ( Application Software )  ที่คนส่วนใหญ่ในสังคมไทยใช้อุปกรณ์ตระกูลไอ้ ( i ) นิยมใช้ควบคู่กันไป รวมทั้งผู้ที่ใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และอินเตอร์เน็ตทั่วๆ ไป แอฟตระกูลไอ้ ( i ) ที่คนไทยในโลกสังคมออนไลน์ ( Cyber Space )  หรือเครือข่ายสังคม ( Social Network ) มักจะนิยมใช้กันเป็นส่วนใหญ่ ได้แก่ iGoogle เป็นแอฟฟลิเคชั่นระบบสืบค้นส่วนตัวที่พัฒนามาจาก Google เวอร์ชั่นดังเดิมที่ได้รับความนิยมจากผู้คนทั่วทุกมุมโลก โดยได้พัฒนาปรับปรุงให้ผู้ใช้มีอิสระเสรี สามารถเลือกกำหนดหน้าตา รูปแบบการแสดงผลหน้าเพ็จ (  Theme )  ในสไตล์ของตนเอง รวมทั้งสามารถติดตั้งโปรแกรมขนาดเล็กต่างๆ (  Gadget / Widget )  เพื่อให้ผู้ใช้งาน iGoogle มีความสะดวกในการใช้งานแอฟฟลิเคชั่นต่าง ๆ แบบบริการ ณ จุดเดียว ( One Stop Services ) , iBanking เป็นแอฟฟลิเคชั่นระบบการบริการของธนาคารต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกสบายของลูกค้าธนาคารในการทำธุรกรรมทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการเช็คยอด ฝาก ถอน โอนเงิน ชำระหนี้ แลกเปลี่ยนสกุลเงินตรา ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ต้องเสียเวลาไปธนาคาร หรือกรอกเอกสารต่าง ๆ ให้ยุ่งยาก เดี๋ยวแบ๊งค์จัดเต็มให้ ณ บัดNow ส่วน iTunes เป็นทั้งโปรแกรมเครื่องมือ และโปรแกรมประยุกต์ที่ไว้ใช้ดูหนัง ฟังเพลง แบบเดียวกับโปรแกรม Windows Media Player ที่ติดมากับ Microsoft Windows นั่นแหละ โดยเราจะพบโปรแกรม iTunes ได้ทั้งบนคอมพิวเตอร์ iPhone , iPad และ iPod ซึ่งโปรแกรม iTunes เป็นโปรแกรมที่ผลิตโดยบริษัท Apple และโปรแกรมนี้สามารถใช้ได้ทั้งคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฎิบัติการ ( OS ) MS-Windows หรือ Mac ที่สำคัญโปรแกรม iTunes นั่นมีหน้าที่อีกอย่างคือ เอาไว้เชื่อมต่อ ( Sync ) อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ หรือ Gadget ที่ผลิตโดยบริษัท Apple ไม่ว่าจะเป็น iPhone, iPad หรือ iPod
อี ( e )  ความหมายค่อนข้างจะชัดเจนว่า หมายถึง อิเล็กทรอนิกส์ ( electronics )  พอนำมาใช้กับอะไรก็เอา e มาแปะไว้ข้างหน้าคำนั้น ๆ ง่ายดี ไม่ต้องสับสนเหมือน  i
ตระกูล อี ( e )  นั้นมีมากมายหลากหลายทั้งในรูปแบบขององค์กร ระบบงาน และแอฟฟลิเคชั่นต่าง ๆ ที่คนไทยในสังคมไอที มักจะเกี่ยวข้องและนิยมนำมาใช้ในการทำงาน และในชีวิตประจำวัน อาทิเช่น
e-Government หมายถึง รัฐบาลสมัยใหม่ที่ใช้วิธีการบริหารจัดการภาครัฐด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งประเทศไทยเรากำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการบริหารประเทศ และมีความทันสมัย
e-Office หมายถึง ทุกอย่างในสำนักงานสมัยใหม่ที่ต้องการจะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน จะใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ช่วยการทำงานด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ระบบดิจิตอล ( Digital ) ยกเว้นคน ไม่เช่นนั้นคนจะตกงานไปหมด และจะกลายเป็นสำนักงานหุ่นยนต์ ( Robot Office ) เลยไปถึงยุคคนเหล็กล้างโลก ( Terminator )
e-mail หมายถึง ระบบจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้สำหรับรับ-ส่งข้อมูลข่าวสารระหว่างกัน ทั้งแบบทางการ ไม่เป็นทางการ ตลอดจนแบบส่วนบุคคล แทนระบบไปรษณีย์แบบเก่า ซึ่งต้องเสียเวลานาน เพราะใช้คนเดินทางไปนำส่ง และส่งได้เฉพาะข้อความข่าวสาร  มืด-ค่ำ ฝนตก-น้ำท่วม วันหยุด-วันเทศกาลหมดสิทธิ์รับ-ส่งข่าวสาร พอมี e-mail มาแทนปัญหาต่าง ๆ หายไปหมด สามารถรับ-ส่งข้อมูลข่าวสารได้ทั้งอักขระ ข้อความ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว ทันอกทันใจ ไร้พรมแดน เก็บไว้ได้นาน อยากดูใหม่ย่อมทำได้ ถ้าไม่ลบเมล์ลงถังขยะ ( Bin ) เสียก่อน  
e-document หมายถึง ระบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมักจะใช้กันภายในสำนักงานที่มีความทันสมัย เพื่อพัฒนาองค์กรไปสู่สำนักงานไร้กระดาษ ( Paperless Office ) หรือ สำนักงานลดกระดาษ ( Less Paper Office ) ข้อดีของ e-document นอกจากจะใช้งานสะดวก รวดเร็ว ประหยัดพื้นที่เก็บเอกสาร และลดกระดาษแล้ว ยังจะสามารถช่วยการสืบค้นหาเอกสาร ข้อมูล ข้อความ เนื้อหา คีย์เวิร์ด ได้อย่างรวดเร็ว
e-book หมายถึง หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หรือในรูปแบบข้อมูลดิจิตอล ที่คนทั่วไปสามารถเปิดอ่าน-ดูได้จากเครื่องคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ตระกูลไอ้ ( i ) ทั้งหลาย และยังสามารถเปิดอ่าน-ดูได้ผ่านระบบเครือข่าย Internet , เครือข่าย WiFi หรือ เครือข่าย 3G ได้ทุกที่ทุกเวลาที่อุปกรณ์ดังกล่าวสามารถเชื่อมต่อสัญญาณได้ หรือมีไฟล์ข้อมูลเก็บไว้ในตัวอุปกรณ์ ข้อดีของ e-book นอกจากจะใช้งานสะดวก ประหยัดพื้นที่เก็บหนังสือและลดกระดาษแล้ว ยังจะสามารถช่วยการสืบค้นหาข้อมูล ข้อความ เนื้อหา คีย์เวิร์ด ได้อย่างรวดเร็ว และบางเล่มยังสามารถรวมเอาข้อมูลทั้ง อักขระ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว ทั้ง VDO และ Animation  ประกอบสื่อผสม ( Multi-Media ) แสง สี เสียง ตลอดจนสามารถตอบโต้ผู้อ่านได้ อย่างที่เรียกกันว่าการสื่อสารแบบ 2 ทาง ( 2 Ways Communication ) ทำให้ผู้อ่านเกิดความสนใจมากยิ่งขึ้นกว่าการอ่านหนังสือแบบเก่า
e-library หมายถึง ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นแหล่งรวมของ e-book ต่าง ๆ เพื่อให้การบริการแก่สมาชิกห้องสมุดระบบออนไลน์ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ในการสืบค้นข้อมูลหนังสือ การดู การอ่าน การคัดลอก การสำเนาข้อมูลหนังสือแบบดิจิตอล หรือการจอง การยืม และการส่งคืนหนังสือผ่านระบบบรรณรักษ์ห้องสมุดโดยไม่ต้องเดินทางมาด้วยตนเอง ข้อดีของ e-library นอกจากจะสะดวก รวดเร็ว และประหยัดพื้นที่เก็บหนังสือแล้ว ยังจะสามารถช่วยการสืบค้นหาข้อมูลหนังสือ ข้อความ เนื้อหา คีย์เวิร์ด ชื่อหนังสือ ชื่อผู้แต่ง ชื่อสำนักพิมพ์ ปีพิมพ์ และรหัส ISBN ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้บางห้องสมุดยังสามารถเชื่อมโยงเครือข่ายการบริหารห้องสมุดระหว่างกันและกัน ทำให้สมาชิกทราบว่าจะสามารถหายืมหนังสือที่ต้องการได้จากห้องสมุดแห่งใด
e-learning หมายถึง ระบบการเรียนการสอนแบบอิเล็กทรอนิกส์ เป็นการนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มาประยุกต์เข้ากับระบบจัดการศึกษา หรือกระบวนการเรียนการสอนสมัยใหม่ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเข้าศึกษาผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ได้ทุกที่ทุกเวลา  โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนา และปรับปรุงกระบวนการจัดการเรียนการสอนให้ทันสมัย และกว้างไกลมากยิ่งขึ้น ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา ศึกษาได้อย่างความต่อเนื่องไม่ขาดตอน เรียนทบทวนซ้ำได้ไม่จำกัด ขจัดปัญหาและข้อจำกัดด้านเวลา สถานที่ เป็นการขยายโอกาสทางการศึกษาให้เพิ่มมากขึ้น รูปแบบการนำเสนอ ( Presentation )  และเนื้อหา ( Contents )  สามารถปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้มีความทันสมัย และน่าสนใจมากขึ้นได้ตลอดเวลา เป็นรูปแบบหนึ่งของระบบการศึกษาแบบทางไกล ( Long Distance Education ) เพื่อเสริมกระบวนการเรียนรู้ตลอดชีวิต ( Long Life Learn ; 3L )
e-Service หมายถึง การบริการแบบอิเล็กทรอนิกส์ เป็นการให้การบริการต่างๆ บนโลกออนไลน์หรือผ่านระบบ Internet , WiFi หรือ 3G  เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการ ไม่ต้องเดินทางมารับการบริการ ณ จุดบริการ และเป็นการบริการแบบไม่มีวันหยุด 7/24 หมายถึง ตลอด 7 วันๆละ 24 ชั่วโมง เช่น การจองดูหนัง จองโรงแรม จองสายการบิน การสั่งซื้อสินค้า การชำระภาษี การชำระค่าบริการ รวมถึงการบริการภาครัฐ และภาคธุรกิจเอกชนต่างๆ เป็นต้น
ปัจจุบันคนไทยในยุคสังคมสมัยใหม่ หรือที่เรียกว่า ยุคไอ้ - อี  ( i - e ) ได้มีการบริโภคสรรพสิ่งของตระกูล ไอ้ - อี  ( i - e )  อีกหลายหลากมากมาย หากจะนำมาอธิบายเกรงว่าจะเกิดอาการปวดเศียรเวียนเกล้าไปเสียก่อน จึงขอหันหัวเรื่องกลับไปถึงที่มาที่ไปของคำว่า สยามาภิวัตน์ ( Siamization ) โดยการเทียบเคียงหรือแกะแบบมาจากคำว่า โลกาภิวัตน์ ( Globalization ) ซึ่งสื่อความหมายถึง อิทธิพลของกระแสโลกในยุคเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ส่วน สยามาภิวัตน์ คงมิได้มีความแตกต่างไปจาก คลื่นลูกที่สาม ทั้งด้านปัจจัย กระบวนการ และรูปแบบที่ปรากฏอยู่ในสังคมไทยยุคไอ้ - อี  ( i - e ) ซึ่งได้รับอิทธิพลจากกระแสโลกในยุคเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นับตั้งแต่เด็กชั้นระดับอนุบาลต้องเล่น Computer เป็น , เด็กชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ต้องใช้ Tablet , เด็กประถมศึกษาตอนต้นขึ้นไปเล่น Facebook , เด็กมหาวิทยาลัยพก iPhone , iPad เอาไว้สนทนาติดต่อสื่อสารกัน , ผู้ใหญ่วัยทำงานก็ต้องมี e-mail ส่วนวัยพักผ่อน/วัยเกษียณอายุ/วัยชรา บางรายไม่มีปัญญาจะใช้อีตัวเล็ก ( e ) สำหรับติดต่อสื่อสารกับลูก-หลานเท่าไหร่นัก แต่ก็หนีไม่พ้นอีตัวใหญ่ เช่น EMS ( Emergency Medical Services )  ในเวลาเจ็บป่วยฉุกเฉินกะทันหัน ซึ่งลูก-หลานมักจะรีบใช้ไอ้ - อี  ( i - e ) ติดต่อเรียกมาใช้บริการอย่างทันท่วงที ก่อนที่ท่านจะ อี เอ็น ดี ( End )
สรุปว่า กระแสสังคมโลกโดยทั่วไป แบ่งออกเป็น 3 คลื่น คือ คลื่นลูกที่หนึ่ง เป็นการเปลี่ยนแปลงสังคมโลกสู่ยุคเกษตรกรรม , คลื่นลูกที่สอง เป็นการเปลี่ยนแปลงสังคมโลกสู่ยุคอุตสาหกรรม และคลื่นลูกที่สามเป็นการเปลี่ยนแปลงสังคมโลกสู่ยุคเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
สำหรับกระแสสังคมไทย พอจะอนุมานแบ่งได้เป็น 3 ยุคเช่นกัน คือ ยุค มึง - กู เป็นการเปลี่ยนแปลงสังคมไทยประเทศสยามในขณะนั้น จากการอยู่แบบตัวใครตัวมันกระจัดกระจายหลากหลายอาณาจักร ภายใต้อิทธิพลของขอม ไม่มีภาษาเป็นของตนเอง เปลี่ยนมารวมเป็นปึกแผ่น คือ อาณาจักรสุโขทัย และมีภาษาไทยเป็นภาษาประจำชาติ ใช้สรรพนาม มึง - กู ยุคต่อมาเป็น ยุค ฉัน - ท่าน เป็นการเปลี่ยนแปลงสังคมไทยจากชื่อประเทศสยาม มาเป็น ประเทศไทย ใช้สรรพนาม ฉัน - ท่าน เพื่อทำให้ประเทศมีความเป็นศิวิไล และมีการเปลี่ยนแปลงขนบธรรมเนียมประเพณีไทยหลายๆ อย่างตามนโยบาย รัฐนิยม เพื่อให้ประเทศรอดพ้นจากการตกไปเป็นเมืองขึ้นของชาติตะวันตก และยุคปัจจุบันที่เรียกกันว่า ยุค ไอ้ - อี เป็นกระแสการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยสมัยใหม่เข้าสู่ยุคเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อการพัฒนาประเทศไทยให้มีความเจริญ ก้าวหน้า ทันสมัย ทัดเทียมกับนานาอารยประเทศ
----------------------------------------

เอกสารอ้างอิง
1. หนังสือ คลื่นโลกที่สาม หรือ The Third Wave เขียนโดย นายอัลวิน ทอฟฟ์เลอร์ ( Alvin Toffler ) ปี 1991 และ สุกัญญา ตีระวนิช แปลพิมพ์  พ.ศ. 2532
2. หนังสือเรียน ประวัติศาสตร์ชาติไทย  ของ กระทรวงศึกษาธิการ
3. บทความ แปลก พิบูลสงคราม  จาก วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น