วันเสาร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2562

กระทรวงกลาโหม กับ โครงการดาวเทียมสื่อสารภาครัฐ


กระทรวงกลาโหม กับ โครงการดาวเทียมสื่อสารภาครัฐ
โดย พลเอก ฤทธี  อินทราวุธ
หัวหน้าที่ปรึกษา คณะทำงานฯด้านกิจการอวกาศ กระทรวงกลาโหม
---------------------------------------
ดาวเทียม ( Satellites )  นับว่ามีความสำคัญและมีความจำเป็นต่อการพัฒนาประเทศและงานด้านความมั่นคงของชาติ โดยเฉพาะโลกในยุคปัจจุบันซึ่งเป็นยุคที่เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้มีการพัฒนา
และมีความเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคมจิตวิทยา และการทหาร หลายประเทศได้ให้ความสนใจต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมด้านกิจการอวกาศ โดยเฉพาะกิจการดาวเทียม ซึ่งมีหลากหลายประเภทของการใช้งาน ทั้ง ดาวเทียมสื่อสาร ( Communications Satellites ) .   ดาวเทียมถ่ายภาพหรือดาวเทียมสำรจทรัพยากร ( Earth Observation Satellites ) ,  ดาวเทียมนำร่อง ( Navigation Satellites )  ดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา ( Meteorological Satellites )  , ดาวเทียมดาราศาสตร์ ( Astronomical Satellites )  , ดาวเทียมจารกรรม ( Reconnaissance Satellites )  เป็นต้น[1]
นอกจากนี้ อุตสาหกรรมด้านกิจการอวกาศ ยังแบ่งแยกกิ่งของประเภทอุตสาหกรรมในเชิงธุรกิจออกเป็นอย่างน้อยอีก 4 - 5 ด้าน คือ อุตสาหกรรมการพัฒนาและผลิตสร้างดาวเทียม , อุตสาหกรรมการพัฒนาระบบจรว
ตนำส่งดาวเทียม , อุตสาหกรรมการพัฒนาระบบสถานีภาคพื้น ซึ่งประกอบด้วยสถานีควบคุมดาวเทียมและสถานีการให้บริการข้อมูลดาวเทียม , อุตสาหกรรมการพัฒนา Payload หรือ ระบบเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ติดตั้งบนดาวเทียมเพื่อใช้งานตามวัตถุประสงค์ และอุตสาหกรรมการพัฒนาต่อยอดการใช้ประโยชน์จากดาวเทียม เช่น ระบบเครื่องมือสื่อสารโทรคมนาคม , ระบบโทรทัศน์ดาวเทียม , ระบบข้อมูลดิจิทัล , ระบบนำร่อง , ระบบสมาร์ทฟาร์ม ฯลฯ เป็นต้น
กระทรวงกลาโหม ได้มีแนวความคิดในการพัฒนาดาวเทียมสื่อสารเพื่อความมั่นคง หรือดาวเทียมทางทหาร มาตั้งแต่ ปี 2539 ในสมัย พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ เป็น นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวง
กลาโหม แต่โครงการฯ ไม่สำเร็จ ต่อมาในปี 2558 กระทรวงกลาโหม ได้มีการผลักดัน โครงการดาวเทียมสื่อสารเพื่อความมั่นคง [2]  โดย พลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม ในขณะนั้น ได้เป็นประธานในพิธีลงนามในบันทึกความร่วมมือระหว่าง กระทรวงกลาโหม และ บริษัท ไทยคม จำกัด ( มหาชน )  ว่าด้วยความร่วมมือด้านการสื่อสารดาวเทียม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ กำหนดแนวทางความร่วมมือทางด้านการสื่อสารผ่านดาวเทียมระหว่าง กระทรวงกลาโหม และ บริษัท ไทยคม จำกัด ( มหาชน )  ในการที่จะร่วมกันเสริมสร้างศักยภาพ และพัฒนาขีดความสามารถทางด้านการสื่อสารผ่านดาวเทียมของประเทศ รวมถึงการศึกษาความเป็นไปได้ในการดำเนินโครงการดาวเทียมสื่อสารร่วมกันระหว่างภาครัฐ
และเอกชนโดยกระทรวงกลาโหม จะให้การสนับสนุนข้อมูลในการออกแบบดาวเทียมและระบบสื่อสารผ่านดาวเทียม บุคลากรผู้เชี่ยวชาญ และการสนับสนุนในด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และ บริษัท ไทยคม จำกัด ( มหาชน )  จะให้การสนับสนุนในการดำเนินโครงการจัดสร้างดาวเทียมสื่อสาร (
THAICOM 9 )  ระบบสื่อสารผ่านดาวเทียม ตลอดจนสนับสนุนองค์ความรู้ ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติเพื่อการพัฒนาบุคลากร รวมถึงการให้การสนับสนุนในด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถทั้งในด้านกำลังพล เทคโนโลยี และการบริหารจัดการ เพื่อให้สามารถนำประโยชน์จากระบบสื่อสารผ่านดาวเทียม ไปใช้ในการปฏิบัติภารกิจทางด้านความมั่นคงและภารกิจอื่นๆ ของภาครัฐ ซึ่งจะเป็นประโยชน์สูงสุดของประเทศต่อไป แต่โครงการจัดสร้างดาวเทียมสื่อสาร ( THAICOM 9 )  ก็ถูกรัฐบาลชุดปัจจุบันระงับไปในที่สุด
ดาวเทียมไทยคม[3] นับเป็นดาวเทียมสื่อสารของไทย ที่ได้รับสัญญาสัมปทานให้การบริการด้านการสื่อสารผ่านช่องสัญญาณดาวเทียมมาตั้งแต่ปี 2537 โดยได้ปล่อยดาวเทียมสื่อสารมาแล้วรวมจำนวน 8 ดาว ดาวเทียม
ไทยคม 1 – 3 ได้หมดอายุการใช้งานไปแล้ว ยังคงเหลือ ดาวเทียมไทยคม 4 ( IP Star ) เป็นดาวเทียมที่ให้การบริการสัญญาณแบบ Broadband ความเร็วสูง ซึ่งจะสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในอีก 2 ปี ,  ดาวเทียมไทยคม 5 เป็นดาวเทียมที่ให้การบริการสัญญาณแบบ Broadcast ซึ่งจะสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในอีก 3 ปี โดยดาวเทียมทั้ง 2 ดวงกำลังจะประสบปัญหาด้านพลังงานเชื้อเพลิงที่จะบังคับควบคุมดาวเทียมให้อยู่ในวงโคจร ทั้งนี้จากการสอบถามข้อมูลจากการศึกษาดูงานที่ผ่านมา ทาง บริษัท ไทยคม จำกัด ( มหาชน )  ได้เสนอแผนการส่งดาวเทียมพลังงานไปประกบกับดาวเทียมไทยคม 4 และ 5 โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายจากรัฐบาล เพื่อใช้พลังงานเชื้อเพลิงจากดาวเทียมดังกล่าว ไปช่วยในการขับเคลื่อนและบังคับควบคุมดาวเทียมไทยคมทั้ง 2 ดวง ที่กำลังจะหมดพลังงานให้สามารถยืดอายุการใช้งานต่อไปได้อีก 5 ปี ทั้งนี้เพื่อแก้ไขปัญหาด้านการให้การบริการต่อลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ
เกิดความต่อเนื่อง สำหรับดาวเทียม
ไทยคม 6 , 7  และ 8 ยังคงอยู่ในสัญญาสัมปทาน ทั้งนี้ เคยมีข้อสงสัยเกี่ยวกับดาวเทียมไทยคม 7 ซึ่งมีชื่อปรากฎในระบบบัญชีทำเนียบดาวเทียมว่า
Asia SAT นั้น เนื่องจากดาวเทียมไทยคม 7 เป็นดาวเทียมที่ บริษัท ไทยคม จำกัด ( มหาชน )  ลงทุนร่วมกับจีน โดยแบ่งช่องสัญญาณการให้บริการสื่อสารดาวเทียมออกเป็น 2 ส่วน ของใครของมัน

ผลจากการสิ้นสุดสัญญาสัมปทานดาวเทียมไทยคม 4 และ 5 โดย คณะรัฐมนตรีได้มีมติไม่ต่อสัญญาสัมปทานดาวเทียมไทยคม 5[4]  หรือขยายเวลาสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ แต่ให้ใช้แนวทางเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนกับรัฐ ( PPP )  ตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.
2556 โดยมอบให้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศาษฐกิจและสังคม รับผิดชอบดำเนินการ โดยคำนึงถึง ข้อดี ข้อเสีย ผลกระทบ และความสอดคล้องกับบทบัญญัติของกฎหมายแล้ว จะให้ผลประโยชน์กับรัฐมากที่สุด อีก 3 แนวทาง คือ การจำหน่ายดาวเทียมให้เอกชน , รัฐบาลดำเนินการเอง หรือ โอนทรัพย์สินให้ บริษัท กสท. โทรคมนาคม จำกัด เพื่อนำทรัพย์สินออกให้เช่าในฐานะผู้ประกอบการ (Operator) โดยล่าสุด บริษัท กสท. โทรคมนาคม จำกัด[5] ประกาศตัวว่ามีความพร้อมที่จะเข้ามาดำเนินการเสนอขอยื่นสัมปทานต่อภายหลังสิ้นสุดสัญญาสัมปทานดาวเทียมไทยคม 5 ของ บริษัท ไทยคม จำกัด ( มหาชน ) ( CAT ) เพื่อดำเนินการเป็น โครงการดาวเทียมสื่อสารภาครัฐ โดยจะแยกการบริการออกเป็น 2 ส่วน คือ การให้บริการด้านการสื่อสารดาวเทียมภาครัฐให้กับส่วนราชการต่างๆ และการให้บริการด้านการสื่อสารดาวเทียมภาคธุรกิจเชิงพาณิชย์
กระทรวงกลาโหม ควรจะเข้ามามีบทบาทใน โครงการดาวเทียมสื่อสารภาครัฐ โดยเฉพาะการให้บริการด้านการสื่อสารดาวเทียมภาครัฐให้กับส่วนราชการต่างๆ รวมถึงการสนับสนุนงานสื่อสารด้านความมั่นคง
ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมมีหน่วยงานด้านสื่อสารโทรคมนาคม เช่น กรมเทคโนโลยีสารสนเทศและอวกาศกลาโหม , กรมการสื่อสารทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย , กรมการทหารสื่อสาร กองทัพบก และกรมอิเล็กทรอนิกส์ทหารเรือ และกรมสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ทหารอากาศ  เป็นต้น ซึ่งถือว่ามีศักยภาพทั้งองค์กรและบุคลากรด้านการสื่อสาร หากได้มีการบูรณาการการทำงานร่วมกัน รวมถึงการพัฒนาปรับปรุงโครงสร้างหน่วยและการจัดตั้งหน่วยงานด้านกิจการอวกาศกลาโหม ก็สามารถที่จะเข้ามามีบทบาทใน โครงการดาวเทียมสื่อสารภาครัฐ โดยเฉพาะการให้บริการด้านการสื่อสารดาวเทียมภาครัฐให้กับส่วนราชการต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ มีความต่อเนื่องและยั่งยืน ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมจะต้องมี นโยบาย แผนงาน
โครงการ แผนปฏิบัติการในด้านต่างๆ รองรับ ทั้งการพัฒนาองค์กร และบุคลากร นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยเฉพาะการเตรียมบุคลากรและการพัฒนาองค์ความรู้ ตลอดจนถึงการสร้างแนวทางรับราชการ ความเจริญก้าวหน้าที่มั่นคงยั่งยืน มาตรการจูงใจและการตอบแทนต่างๆ  เพื่อพัฒนาเสริมสร้างความพร้อมขององค์กรและบุคลากร ให้มีขีดความสามารถในการ
ให้การบริการด้านการสื่อสารดาวเทียมภาครัฐให้กับส่วนราชการต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพื่อการพัฒนาและขับเคลื่อนประเทศไปสู่ “ ไทยแลนด์ 4.0 ” รวมถึงการสนับสนุนงานด้านความมั่นคงของชาติ สืบไป
---------------------------------------------------
อ้างอิง : 
[1] https://gistda.or.th/main/th/node/962
[2] https://www.ryt9.com/s/prg/2230103
[4] https://www.khaosod.co.th/economics/news_2151687
[5] https://mgronline.com/daily/detail/9620000011028

1 ความคิดเห็น: