วันเสาร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2558

โลกไซเบอร์กับความมั่งคงของชาติ

โลกไซเบอร์กับความมั่นคงของชาติ
( Cyber Space VS National Security )
โดย พลตรี ฤทธี  อินทราวุธ
ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีทางทหาร

ความมั่นคง ( Security ) กล่าวโดยทั่วไปมักจะหมายถึง ความอยู่รอด ปลอดภัย และเสถียรภาพ ความคงอยู่ รวมถึง ศักยภาพ ความพร้อม ความเชื่อมั่นเชื่อถือในด้านการปกป้อง คุ้มครอง และตอบโต้กับภัยภยันตราย หรือภัยคุกคามต่างๆ ทั้งทางด้านรูปธรรมและนามธรรม
การพัฒนาด้านเทคโนโลยีนั้น นอกเหนือจากวัตถุประสงค์ เพื่อการเสริมสร้างความเจริญก้าวหน้าในด้านต่างๆ ในด้านทางบวกเพื่อก่อเกิดประโยชน์แล้ว ก็มักจะมีการนำความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมาใช้ในด้านทางลบ หรือด้านมืด ก่อเกิดโทษ และความเสียหาย วุ่นวาย ดังคำกล่าวที่ว่า “ อะไรที่มีคุณอเนกอนันต์ ก็ย่อมมีโทษมหันต์ ” ซึ่งส่งผลกระทบในด้านความมั่นคงเช่นกัน ดังนั้นการพัฒนาของเทคโนโลยีจากอดีตสู่ปัจจุบัน จึงส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทั้งทางด้านทางบวกและทางลบ ทั้งทางตรงและทางอ้อม
การพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ ( National Security )    ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และการทหาร ประเทศใดมีความเจริญก้าวหน้าในการพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัยกว่า ย่อมจะได้เปรียบในเรื่อง
ของศักยภาพ ( Potential )   และพลังอำนาจ  ( Power ) ทั้งทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และการทหาร ในด้านการเมืองก็จะทำให้เกิดเสถียรภาพและความมั่งคงทางการเมือง เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่น ความเชื่อถือของรัฐบาลในการปกครองและบริหารประเทศ การเจรจาต่อรองและรักษาผลประโยชน์ของชาติ ( National Interest ) ด้านเศรษฐกิจ จะเห็นได้ชัดเจนในด้านการพัฒนาความเจริญก้าวหน้าของประเทศ ด้านสังคม ก็จะเสริมสร้างความเป็นปึกแผ่นและภูมิคุ้มกันให้กับประชากร ส่วนด้านการทหาร ก็จะเป็นการเสริมสร้างศักย์สงคราม และพลังอำนาจด้านการรบที่สูงกว่า เช่น ถ้าประเทศใดมีการพัฒนาเทคโนโลยีด้านทางทหาร เช่น ระบบลาดตระเวนและเฝ้าตรวจ ระบบแจ้งเตือน ระบบป้องกัน ระบบควบคุมบังคับบัญชา และระบบอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารที่ทันสมัยกว่าอีกประเทศหนึ่ง ความได้เปรียบ และอำนาจกำลังรบย่อมจะสูงกว่าประเทศอื่นๆ ที่ด้อยกว่า และเทคโนโลยีในด้านต่างๆ ที่กล่าวมานี้ มักจะหนีไม่พ้นกับโลกไซเบอร์ ( Cyber Space )
การพัฒนาเทคโนโลยีด้านไซเบอร์ เช่น การพัฒนาด้านอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง การพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ทันสมัย และการขยายโครงข่ายการสื่อสารและสารสนเทศ โดยเฉพาะเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เพื่อให้สามารถเชื่อมโยงการสื่อสารและข้อมูลสารสนเทศถึงกันอย่างกว้างขวางทั้งในประเทศ และต่างประเทศ แบบไร้พรมแดน โครงข่ายเหล่านั้นมีวัตถุประสงค์ในการใช้งานทั้งด้านกิจการธุรกิจเอกชน พลเรือน ระบบราชการ และด้านการทหาร การเชื่อมโยงจากจุดใดๆ ในประเทศ แม้แต่ในบ้าน ในองค์กร หรือในหน่วยทหาร อาจจะเกิดผลกระทบในด้านความมั่นคงได้ เพราะฝ่ายตรงข้ามหรือผู้ไม่หวังดีสามารถเข้าถึงเครือข่ายจากที่ได้ก็ได้ เพื่อเฝ้าติดตาม ค้นหาช่องโหว่ของระบบฯ การโจมตีระบบฯ การแอบฝังโปรแกรมจารกรรมข้อมูล ( Spyware ) โปรแกรมควบคุมเครือข่ายและการทำงานของระบบ ( Botnet ) ด้วยการใช้ช่องโหว่เหล่านั้นให้เกิดประโยชน์ รวมถึงการแพร่ระบาดของโปรแกรมไม่พึงประสงค์ ( Malware ) เพื่อสร้างความเสียหายต่อระบบ ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะป้องกัน หรือเฝ้าระวังและติดตามฝ่ายตรงข้ามได้ ในทุกๆ จุดที่มีเครือข่ายไซเบอร์เชื่อมต่อถึงกันนั้นเอง
โลกไซเบอร์ นับวันยิ่งทวีความสำคัญและมีความพิเศษ โดยเฉพาะในทางการทหาร ได้กำหนดความสำคัญให้เป็นโดเมนหนึ่งในการปฏิบัติการทางทหาร คือ พื้นที่ปฏิบัติการบนไซเบอร์ ( Cyber Domain ) นอกเหนือจาก พื้นที่ปฏิบัติการบนดิน ( Land Domain ) , พื้นที่ปฏิบัติการในน้ำ ( Sea Domain ) , พื้นที่ปฏิบัติการในอากาศ ( Air Domain ) และพื้นที่ปฏิบัติการบนห้วงอวกาศ ( Space Domain ) เนื่องจากการใช้เครือข่ายไซเบอร์ มีการใช้งานในหลายๆ ด้านทั้งระบบสาธารณูปโภคหลักของประเทศ เช่น ระบบพลังงาน ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ การคมนาคมขนส่ง ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีการใช้งานในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับระบบเศรษฐกิจของประเทศ เช่น ระบบการเงิน การคลัง ธนาคาร บริษัท ห้างร้าน โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ เป็นต้น คงจะมองเห็นแล้วว่าโลกไซเบอร์ในปัจจุบันเปรียบเสมือนสมอง เส้นประสาท เส้นเลือด ของระบบร่างกายมนุษย์ ซึ่งเป็นเครือข่ายการเชื่อมโยงหลักในระดับชาติไปแล้ว ถ้าหากองค์กรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการต่างๆ ระดับประเทศเหล่านี้ ถูกโจมตีผ่านระบบเครือข่าย หรือระบบสารสนเทศจนหยุดการให้บริการหรือไม่สามารถให้บริการแก่ประชาชนได้ ผลกระทบนั้นจะกว้างขวางมากเพียงใด ความวุ่นวายย่อมเกิดขึ้น แน่นอนว่าส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
พื้นที่บนโลกไซเบอร์ ( Cyber Domain ) เป็นพื้นที่ๆ ที่ต้องมีการเชื่อมโยงเครือข่ายถึงกัน บุคคลที่จะเข้าไปสู่พื้นที่ดังกล่าว ไม่สามารถที่จะใช้ยานพาหนะใด หรือการเข้าถึงด้วยการสัมผัสด้วยร่างกายของมนุษย์โดยตรง ดังนั้น ต้องมีเครื่องไม้เครื่องมือในการเข้าถึง เช่น ระบบ Hardware และ Software ของคอมพิวเตอร์ เป็นต้น อุปกรณ์เหล่าเป็นเสมือน ร่างอวตาร ( Avatar ) ของคนเรา ที่จะเข้าไปเฝ้าระวัง สำรวจ ตรวจสอบ ติดตาม สืบคัน ปกป้อง คุ้มครองพื้นที่ไซเบอร์ ว่ามีข้อมูลอะไรอยู่ในนั้นบ้าง อะไรที่ผิดปกติ อะไรที่มีความเสี่ยง อะไรที่เป็นภัยคุกคาม รวมถึงมาตรการการตอบโต้  ดังนั้นถือว่าโลกไซเบอร์ ( Cyber Domain ) เป็นพื้นที่ที่มีความ
การก่อการร้าย ( Terrorism )  โดยหลักแล้วต้องมี เป้าหมาย วัตถุประสงค์ และรูปแบบในการกระทำที่ชัดเจน อาจจะกระทำโดยบุคคล หรือ องค์กร หรือรัฐ แต่การก่อการร้ายหรืออาชญากรรมบนโลกไซเบอร์ ( Cyber Crimes )   มีหลากหลายรูปแบบ ทั้งพวกที่กระทำโดยสมัครเล่น พวกลองของลองวิชา รวมไปจนถึงพวกไม่เพียงแต่หวังเพียงข้อมูลหรือการขโมยข้อมูลเท่านั้น แต่อาจจะไปถึงการทำลายล้าง หรือสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินต่อเป้าหมาย หรือสร้างอันตราย และผลกระทบต่อชีวิตประชาชนทั่วไป และบางกลุ่มอาจจะเป็นพวกที่มีอุดมการณ์ทางการเมือง และไม่ได้หวังชื่อเสียงแต่อย่างใด  ดังนั้น ภัยการก่อการร้ายทางโลกไซเบอร์ จึงมีลักษณะตามที่กล่าวไว้ในตอนต้น โดยมีรูปแบบที่หลากหลาย และความสลับซับซ้อน
แน่นอนว่าภัยคุกคามดังกล่าว ถ้ามีเป้าหมายในหน่วยงานในระดับชาติ หรือในระบบสาธารณูปโภคในระดับประเทศ ผลกระทบที่ประเมินแล้วความเสียหายมากจนถึงระดับชาติ ก็ย่อมเป็นภัยสำคัญต่อความมั่นคงของประเทศนั่นเอง สำหรับบุคคลสำคัญของประเทศ เช่น ประมุขของประเทศ ถ้าถูกกำหนดเป็นเป้าหมาย ย่อมจะเป็นภัยในระดับชาติด้วยเช่นกัน สำหรับแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นหรือไม่ มันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ ด้าน เช่น ด้านการเมืองในประเทศ หรือต่างประเทศ ว่ามีความขัดแย้งกันสูงแค่ไหน โดยเฉพาะในด้านผลประโยชน์ทางการเมือง ( Political Interest ) ผลประโยชน์ของชาติ ( National Interest ) ส่วนด้านเศรษฐกิจเป็นปัจจัยที่อาจจะเกิดได้ ถ้ามีความเกี่ยวข้องกับเรื่องผลประโยชน์ทางการค้า ทางธุรกิจ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น 
การเข้ามาของโลกไซเบอร์ คือ ก่อนหน้าเมื่อไม่นานมานี้จนถึง ณ ปัจจุบัน และในอนาคตจะมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ เนื่องจากความเจริญทางวิวัฒนาการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารและคอมพิวเตอร์ มีการพัฒนาความเจริญก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด มนุษย์ใช้คอมพิวเตอร์ เครือข่ายสื่อสารและสารสนเทศ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในวิถีชีวิตด้านปัจเจกบุคคลและการทำงานประจำวันในองค์กร ตลอดจนการใช้เป็นส่วนหนึ่งของอาวุธในด้านการทหาร ประเทศใดไม่มีการพัฒนาในด้านดังกล่าว จะกลายเป็นประเทศที่ล้าหลัง และไม่สามารถพัฒนาประเทศได้อย่างรวดเร็ว การเข้ามาของเทคโนโลยีเหล่านั้น มีทั้งด้านที่เป็นประโยชน์ และด้านที่เป็นโทษ ขึ้นกับมนุษย์ว่าใช้เพื่อวัตถุประสงค์ใด ถ้าเป็นการใช้งานในด้านลบ ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้แน่นอน ผลในทางลบถ้ามันส่งผลเสียหายเมื่อประเมินแล้วอยู่ในระดับชาติ รัฐต้องเข้ามามีบทบาทเพื่อรองรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดและส่งผลกระทบเหล่านั้น อาจจะมีหน่วยงานเพื่อติดตาม ตรวจสอบ เฝ้าระวัง พร้อมการสร้างความตระหนักในการใช้ไซเบอร์ เพื่อให้พวกเขาระมัดระวังด้านลบ และส่งเสริมการใช้งานในด้านบวกให้มากขึ้น นั่นคือ การสร้างความเข้าใจ สร้างองค์ความรู้ และสร้างความตระหนักในการใช้ไซเบอร์ต่อคนในประเทศ สำหรับแนวทางการสร้างโลกไซเบอร์ให้มีความปลอดภัย สรุปง่ายๆ สั้นๆ ดังนี้ คือ
1.         ผู้ใช้งาน : โดยการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ การปลูกฝังจิตสำนึก และการสร้างความตระหนัก ควรเป็นอันดับแรกๆ ของการสร้างความปลอดภัยในโลกไซเบอร์
2.         องค์กร  : องค์กรและหน่วยงานทั่วไปที่มีการใช้งานบนโลกไซเบอร์ ควรจะต้องมีมาตรการการรักษาความมั่งคงปลอดภัยทางไซเบอร์ ( Cyber Security Measures ) ส่วนในระดับประเทศ ควรมีหน่วยงานไซเบอร์เป็นการเฉพาะ ที่ให้การรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์และการบริการประชาชน ( Cyber Emergency Response Team ; CERT ) ในการเฝ้าระวัง แจ้งเตือนภัย และการแก้ไขปัญหา เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ความมั่นใจในการใช้งานในโลกไซเบอร์ การเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจโลกไซเบอร์ รวมถึงการมีหน่วยงานที่บังคับการใช้กฎหมายด้านไซเบอร์ เป็นต้น
3.         กฎหมาย : ควรมีกฎหมายด้านไซเบอร์เป็นการเฉพาะ เพื่อกำหนดกฎกติกาทางสังคมโลกไซเบอร์ และมาตรการป้องปรามป้องกันการละเมิดกฎหมาย โดยกฎหมายจะเป็นเครื่องมือที่สำคัญอย่างมากสำหรับการสร้างโลกไซเบอร์ที่ปลอดภัย
กองทัพนับเป็นหน่วยงานหลักด้านความมั่นคงของประเทศ ในสถานการณ์ยามปกติ ที่ภัยคุกคามด้านไซเบอร์ยังไม่มีความรุนแรงเท่าไรนัก อาจจะมีหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความมั่งคงปลอดภัยด้านไซเบอร์อื่นๆ เช่น กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กรมสอบสวนคดีพิเศษ และอื่นๆ คอยรับมือกับภัยคุกคามดังกล่าว แต่ในสถานการณ์ยามวิกฤตระดับชาติ หรือยามสงคราม หน่วยงานดังกล่าวข้างต้นอาจจะไม่มีศักยภาพเพียงพอต่อการรับมือภัยคุกคามด้านไซเบอร์ในระดับประเทศ ดังนั้น กองทัพควรจะต้องมีความพร้อมในการเตรียมหน่วยงานด้านไซเบอร์ที่มีความพร้อมทั้งด้านบุคลากร และเครื่องมือที่ทันสมัย เพื่อการรับมือกับภัยคุกคามด้านไซเบอร์ที่มีความรุนแรง ความเสียหายอย่างใหญ่หลวง และส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศในด้านต่างๆ ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นตั้งแต่ปัจจุบัน และควรมีการพัฒนาเสริมสร้างกำลังกองทัพด้านไซเบอร์ อย่างเป็นระบบ มีระเบียบแบบแผน ทั้งมาตรการเชิงรับและเชิงรุก ให้มีประสิทธิภาพ มีคุณภาพ มีความเข้มแข็งอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน เพื่อเป็นหลักประกันด้านความมั่งคงปลอดภัยด้านไซเบอร์ของประเทศ ไม่ควรทำตามกระแส แบบไฟไหม้ฟาง เพราะ “ กองทัพ คือ ที่พึ่งสุดท้ายของประชาชนในชาติ ” อย่าปล่อยไปเป็นเช่นสุภาษิตโบราณว่า “ วัวหาย ล้อมคอก ”
---------------------------------------------------