โดเมน ที่ ๕
/ โลกไซเบอร์ กับ ความมั่นคงของมนุษย์
( The 5th
Domain / Cyberspace and Human Security )
โดย พันเอก
ฤทธี อินทราวุธ
รองผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีทางทหาร
ในอดีตยุคโบราณกาลนับย้อนไปหลายพันปี
มนุษย์เชื่อกันว่าโลกแบน เพราะสามารถมองเห็นและสัมผัสได้ด้วยสายตาและสัมผัสได้ด้วยการเดินทาง
เพียง ๒ มิติ คือ พื้นดิน และพื้นน้ำ ต่อมาได้มีนักวิทยาศาสตร์และนักดาราศาสตร์ในอดีต
ได้ทำการตั้งสมมุติฐาน ทฤษฎี ทำการพิสูจน์ และค้นพบว่าโลกกลม
สามารถเดินทางได้รอบโลกและกลับมาบรรจบ ณ จุดเริ่มต้น และได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีพื้นฐานเพื่อเป็นพาหนะสำหรับการเดินทางในระยะต่อมา
เพียง ๓ มิติ คือ พื้นดิน พื้นน้ำ และอากาศ
ต่อมาวิวัฒนาการด้านเทคโนโลยีอากาศยานเจริญก้าวหน้ามากขึ้นตามลำดับ
ได้มีการพัฒนาอากาศยานให้มีขีดความสามารถสูงขึ้นจนสามารถเดินทางสู่ห้วงอวกาศและออกนอกโลกได้
ที่เรียกกันว่า ยานอวกาศ จึงเกิดเป็น ๔
มิติ คือ พื้นดิน พื้นน้ำ อากาศ และอวกาศ
ต่อมาในยุคสารสนเทศ ( Information Age ) การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมีความเจริญก้าวหน้ามากขึ้นตามลำดับ
และกำลังปรับเปลี่ยนโฉมหน้าและวิวัฒนาการของโลกจากเดิม ๔ มิติ เพิ่มเป็น ๕ มิติ คือ
โดเมนที่ ๕ ( The Fifth Domain ) หรือที่เรียกกันว่า มิติไซเบอร์
/ ไซเบอร์โดเมน
( Cyber Domain ) หรือ โลกไซเบอร์ ( Cyberspace ) เพราะสามารถสัมผัสด้วยตา
เคลื่อนที่ด้วยข้อมูล และข่าวสารจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็วเกือบเป็นเวลาเดียวกัน
( Near Real Time ) ทุกสถานที่ทุกเวลา
( Any Where Any Time ) ไร้ขอบเขตจำกัด ( Borderless ) และมีความเสมือนจริง ( Virtualization ) ประหนึ่งสามารถล่องหนไปปรากฏในที่ต่างๆ ในโลกไซเบอร์ชั่วพริบตา โดยมีหลายคนได้กล่าวถึง
โดเมนที่ ๕ หรือ โลกไซเบอร์ ในมุมมองของการทหาร หรือ สงครามอนาคต และรัฐบาลบางประเทศมองว่า โลกไซเบอร์ คือโดเมนที่ ๕ แห่งการทำสงครามทางด้านการทหาร
ถือว่าเป็นโดเมนหนึ่งที่มีความสำคัญในการสู้รบเอาชนะฝ่ายตรงข้าม
โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศจีนได้ให้ความสำคัญกับเรื่อง สงครามไซเบอร์ ( Cyber Warfare ) ถึงขนาดให้การสนับสนุนให้มีการผลิตนักรบไซเบอร์
( Cyber Warriors ) ขึ้นมาประจำการในกองกำลังทหาร เพื่อเสริมสร้างกำลังอำนาจทางทหาร
ซึ่งเป็นกำลังอำนาจแห่งชาติ ( National Power ) ที่สำคัญด้านหนึ่ง และเพิ่มศักย์สงครามเพื่อความได้เปรียบทางการทหารให้สูงขึ้น
ตลอดจนการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับภัยคุกคามด้านสงครามไซเบอร์
นอกจากนี้
ในด้านการปฏิบัติการข่าวสาร ( Information
Operations : IO ) ทางการทหาร ทั้งยามปกติ และยามสงคราม
รวมไปถึงความขัดแย้งทางการเมืองและทางสังคม มักนิยมใช้โดเมนที่ ๕ หรือ โลกไซเบอร์ เพื่อเป็นช่องทางในการดำเนินการ
เนื่องจากมีการกระจายข้อมูลข่าวสารทั้งข้อความ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว
เพื่อการประชาสัมพันธ์ การโฆษณาชวนเชื่อ การยุยงปลุกปั่น ฯลฯ ไปในวงกว้าง
สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายด้วยความรวดเร็วชั่วพริบตา และมีการแชร์ข้อมูลต่อๆ
กันไป รวมถึงการแสดงความคิดเห็นต่างๆ ทั้งทางบวกและทางลบ
และมีอิทธิพลต่อความรู้สึกนึกคิด ทัศนคติ และมีผลต่อการตัดสินใจของคนเป็นจำนวนมาก
ดังนั้นโดเมนที่ ๕ หรือ โลกไซเบอร์ จึงนับว่าเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ส่งผลต่อด้านจิตใจ
ความเป็นจริงในโลกปัจจุบัน
โดเมนที่ ๕ หรือ โลกไซเบอร์ ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของคนธรรมดาสามัญในยุคสมัยใหม่นี้แล้วตลอด
๒๔ ชั่วโมง ตั่งแต่เกิด ข้อมูลสูติบัตรของเด็กแรกเกิดจะถูกบันทึกในระบบดิจิตอล แน่นอนเรื่องนี้เป็นน่าสนใจอย่างยิ่ง
เพราะในอดีตที่ผ่านมาก่อนยุคดิจิตอล เรามักจะตั้งข้อสังเกตกับเพื่อนร่วมรุ่นว่า “ ทำไมถึงอายุน้อยจัง
หรือว่าเริ่มเข้าเรียนตั้งแต่ยังแบเบาะ ? ” ปัจจุบันข้อมูลตัวเราเริ่มเข้าไปอยู่ในโลกไซเบอร์แล้วตั้งแต่แรกเกิด
พอไปแจ้งทะเบียนราษฎร์ก็จะเป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ ต่อมาพออายุ ๗ ปี
ก็จะต้องทำบัตรประชาชนอิเล็กทรอนิกส์สำหรับเด็ก ข้อมูลถูกบันทึกเก็บเพิ่มเติมไว้ในโลกไซเบอร์
และบัตรอิเล็กทรอนิกส์
โดยสามารถนำบัตรประชาชนใบนี้ใบเดียวไปทำหนังสือเดินทางระหว่างประเทศ (
Passport ) ซึ่งก็เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์อีก พอเอาเงินไปฝากธนาคาร
ก็ได้บัตร ATM หรือ บัตร VISA นอกจากนี้อุปกรณ์โทรศัพท์มือถือแบบ
Smart Phones รุ่นใหม่ๆ จะมี Application และการบริการสามารถใช้โทรศัพท์มือถือแทนการชำระด้วยเงินสดได้อีกด้วย
ถึงตอนนี้เวลาจะซื้อจะทำอะไรก็เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ในโลกไซเบอร์ไปหมด
ไม่ต้องถือแบงค์ธนบัตรให้เสี่ยงต่อการสูญหาย หรือถูกฉกชิง วิ่งราว จี้ ปล้น ฯลฯ
นอกจากนี้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
ที่มีความจำเป็นต่อความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ และการทำงานต่างๆ ทั้งในวิชาชีพ
และงานส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นบัตรต่างๆ เพื่อใช้ในการรับการบริการอื่นๆ เช่น
บัตรนักเรียน บัตรข้าราชการ บัตรสถานพยาบาล
เป็นต้นล้วนอยู่ในรูปบัตรอิเล็กทรอนิกส์
อุปกรณ์เครื่องมือในการติดต่อสื่อสาร ทั้งโทรศัพท์มือถือแบบอัจฉริยะ ( Smart Phones ) และแอฟฟริเคชั่นต่างๆ ในเครือข่ายสังคมออนไลน์
( Social Network ) เช่น Line , Facebook , Twitter ,
Linkedin , Google+ , etc. ซึ่งเก็บข้อมูลส่วนตัว การสนทนาติดต่อสื่อสาร และการงานต่างๆ ของเราไว้ในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
หากมีการรั่วไหลของข้อมูล หรือ ข้อมูลถูกเจาะ ถูกแก้ไขดัดแปลง ถูกทำลาย
จะทำให้เกิดความเสียหายทั้งในหน้าที่การงาน และความเป็นส่วนตัว
เรื่องบางเรื่องที่เป็นเรื่องส่วนตัวและถูกเก็บข้อมูลไว้ในระบบเครือข่าย หากมีใครนำไปโพสต์เผยแพร่ต่อสาธารณะทางเครือข่ายสังคมออนไลน์
ซึ่งสามารถจะกระจายไปเป็นวงกว้างในโลกไซเบอร์ด้วยเวลาอันรวดเร็วชั่วพริบตา
ทั้งข้อความ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลได้
ถึงแม้ว่าจะมีกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ ลงโทษผู้กระทำผิดก็ตาม
แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นยากที่จะแก้ไขเพราะถูกเผยแพร่กระจายไปทั่ว
ทำให้เกิดการสูญเสียภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือ ความศรัทธาเสื่อมเสียชื่อเสียง
เกียรติยศ ศักดิ์ศรี และความเป็นส่วนตัว ซึ่งกรณีดังกล่าว ถือเป็นภัยต่อความมั่นคงของมนุษย์
ที่สำคัญประการหนึ่ง
ความมั่นคงของมนุษย์
( Human Security ) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ให้ความหมายไว้ว่า
การที่ประชาชนได้รับหลักประกันด้านสิทธิ ความปลอดภัย
การสนองตอบต่อความจำเป็นขั้นพื้นฐาน
สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรี
ตลอดจนได้รับโอกาสอย่างเท่าเทียมกันในการพัฒนาศักยภาพของตนเอง ดังนั้นจะสังเกตได้ว่า
ความสำคัญของมนุษย์ จะประกอบด้วย สิทธิ ความปลอดภัย
และการดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี หากสิ่งเหล่านี้ถูกละเมิด ถูกคุกคาม
หรือถูกทำลายลง ก็จะทำให้ความเป็นมนุษย์ หมดคุณค่าลงไป คนทั่วโลกทุกเพศ ทุกวัย
ต่างใช้ประโยชน์จาก โดเมนที่ ๕ หรือ โลกไซเบอร์
แต่บางคนยังกลัวที่จะใช้ประโยชน์จากมัน หรือบางคนไม่ยอมใช้สิทธิ
ทั้งนี้เนื่องมาจากขาดความมั่นใจในความปลอดภัยด้านไซเบอร์
บางคนที่นำมาใช้ประโยชน์ก็อาจจะเกิดปัญหาการสูญเสียความเป็นส่วนตัว
หรือเกิดความเสียหายด้านข้อมูล บางคนถูกพิษภัยจากโลกไซเบอร์โดยเฉพาะเครือข่ายสังคมออนไลน์เล่นงานโจมตีจนสูญเสียชื่อเสียง
เกียรติยศ และศักดิ์ศรี จะเห็นได้ว่า โดเมนที่
๕ หรือ โลกไซเบอร์ นอกจากจะเป็นปัจจัยส่งผลกระทบทางด้านการทหารแล้ว
ยังมีผลกระทบต่อความมั่นคงของมนุษย์ทั้งทางตรงและทางอ้อม
การใช้ประโยชน์จาก โดเมนที่ ๕ หรือ โลกไซเบอร์ เพื่อการพัฒนาศักยภาพของตนถือเป็นโอกาสและความเท่าเทียมของมนุษย์
เพราะทุกคนทั่วโลกมีสิทธิเท่าเทียมกันที่จะใช้ประโยชน์จากมัน ผู้ที่ใช้ประโยชน์จาก โดเมนที่ ๕ หรือ โลกไซเบอร์ มากย่อมได้รับโอกาสมากกว่าผู้ที่ใช้น้อยหรือไม่ใช้เลย
แต่ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะประสบกับปัญหาจากภัยคุกคามด้านไซเบอร์
ดังนั้นจึงควรจะต้องมีความตระหนักในการใช้งาน ไม่มักง่าย สะเพร่า ประมาท เลินเล่อ
และมีการปฏิบัติด้านการรักษาความปลอดภัยในการใช้งานโดยเฉพาะเครือข่ายสังคมออนไลน์อย่างเคร่งครัด
ดังนี้
๑.
ไม่ควรระบุข้อมูลส่วนตัวในการลงทะเบียนสมาชิก (
Registration ) เกินความจำเป็น และเผยแพร่สู่สาธารณะ เช่น
ชื่อ-สกุลจริง วันเกิด สถานที่เกิด สถานที่บ้าน สถานที่ทำงาน หมายเลขโทรศัพท์
อีเมล์ ฯลฯ เพราะอาจจะถูกใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงของผู้ประสงค์ร้ายได้
รวมถึงการคาดเดารหัสผ่าน (Password)
๒.
ไม่ควรใส่ข้อมูลแผนการต่างๆ อย่างละเอียด เผยแพร่บนสื่อสาธารณะ
โดยเฉพาะการเดินทางออกนอกบ้าน ไปไหน เมื่อไหร่ กลับเวลาใด เป็นต้น
เพราะอาจจะถูกนำมาใช้ในทางอาชญากรรม และโจรกรรมต่างๆ ที่บ้าน
๓.
ไม่ควรใส่ข้อมูลแผนที่เกี่ยวกับบ้านพักที่อยู่อาศัย เผยแพร่บนสื่อสาธารณะ
เพราะจะเป็นข้อมูลให้กับเหล่ามิจฉาชีพ
๔.
ไม่ควรนำข้อมูลเรื่องที่ทำงาน หรือภายในองค์กรที่สำคัญ ที่เป็นเรื่องภายใน
เรื่องลับเฉพาะ หรือเรื่องปัญหาต่างๆ เผยแพร่บนสื่อสาธารณะ
เพราะอาจจะถูกนำไปใช้ในทางมิชอบ หรือส่งผลกระทบต่อองค์กร
๕.
ไม่ควรระบุชื่อบุคคลในรูปภาพ ( ติด Tag ) เผยแพร่บนสื่อสาธารณะโดยไม่จำเป็น เพราะอาจจะถูกนำไปใช้ในทางมิชอบ
๖.
ไม่ควรปล่อยให้เด็กใช้งานโดยอิสระ ขาดการตรวจสอบ ควบคุม กำกับดูแลของผู้ใหญ่
เพราะเด็กอาจจะนำข้อมูลที่ไม่เหมาะสมไปเผยแพร่ด้วยความคึกคะนอง ไม่ตั้งใจ
ไม่ทันคิด หรืออาจจะถูกล่อลวงไปในทางมิชอบ
๗.
พึงหลีกเลี่ยงข้อมูลพฤติกรรมต่างๆ ที่ส่งผลกระทบทางสังคม เช่น ภาพการดื่มสุรา
สูบบุหรี่ การกระทำที่ก้าวร้าวรุนแรง การทารุณกรรม ฯลฯ
เพราะอาจจะถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือในทางมิชอบ
หรือนำไปสู่การเลียนแบบพฤติกรรมที่ไม่ดี
๘.
พึงใช้การบริการเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยเลือกใช้งานเฉพาะกลุ่มและสมาชิกที่มีความรู้จักมักคุ้น
มีความเชื่อถือไว้ใจได้ มีความปลอดภัย และมีพฤติกรรมที่เหมาะสม
เพราะจะเป็นการป้องกันข้อมูลข่าวสารของกลุ่มและสมาชิกในกลุ่ม
ไม่ให้ถูกเผยแพร่ไปที่อื่น
๙.
พึงหลีกเลี่ยงการนำกิจกรรมประจำวัน หรือพฤติกรรมซ้ำๆ เช่น สถานที่เที่ยว
สถานที่ออกกำลังกาย สถานที่ช็อปปิ้ง ฯลฯ มาเผยแพร่บนสื่อสาธารณะ
เพราะอาจจะถูกนำไปใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนในทางที่มิชอบ
๑๐.
ควรตั้งค่าความเป็นส่วนตัว และจำกัดการเข้าถึงข้อมูลเท่าที่จำเป็น
จะช่วยป้องกันการสูญเสียความเป็นส่วนตัว และการนำข้อมูลส่วนตัวไปเผยแพร่ในทางมิชอบ
สำหรับข้อพึงระมัดระวังในการใช้งานคอมพิวเตอร์
โดยเฉพาะเครือข่ายคอมพิวเตอร์จาก โดเมนที่ ๕
หรือ โลกไซเบอร์ ให้มีความปลอดภัยในการใช้งาน มีข้อควรปฏิบัติ ดังนี้
๑.
การกำหนดรหัสผู้ใช้งาน ( Username ) และรหัสผ่าน ( Password ) ควรปฏิบัติตามกฎการรักษาความปลอดภัยด้านสารสนเทศ คือ
ควรกำหนดรหัสผ่านให้มีทั้งอักษรตัวเล็กผสมตัวใหญ่ ตัวเลข
สัญลักษณ์พิเศษตามจำนวนที่ระบบกำหนด และไม่ควรสื่อข้อความถึงความหมายใดๆ เช่น P1@s8S&w0r$d
เป็นต้น
๒. ควรเปลี่ยนแปลงรหัสผ่านด้วยตนเองในภายหลังที่ระบบกำหนดมาให้
หรือพยายามเปลี่ยนตามห้วงระยะเวลา และควรหลีกเลี่ยงการกำหนดรหัสที่เป็นชื่อ วันเกิด
หรือรหัสอื่นๆ ที่นักเจาะระบบ (
Hacker / Cracker ) สามารถเดาสุ่มได้
๓.
ไม่ควรเปิดเผยรหัสผ่านให้ผู้อื่นทราบ
โดยเฉพาะการให้ผู้อื่นนำรหัสผ่านของตนมาเข้าใช้งานแทนตน เพราะอาจมีการนำไปใช้งานในทางที่มิชอบ
๔.
ไม่ควรจดบันทึกรหัสผ่านลงในบัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัตรเครดิต ,
กระดาษโน๊ตใส่กระเป๋าสตางค์ , กระดาษโน้ตที่โต๊ะทำงาน
, Memo ในโทรศัพท์มือถือ ฯลฯ
เพราะมีโอกาสสูญหายและรั่วไหลไปยังบุคคลอื่น
๕.
ระบบงานที่มีความสำคัญยิ่ง ควรใช้อุปกรณ์ทางชีวภาพ ( Biometric Device ) เช่น การสแกนลายนิ้วมือ (
Finger Scan ) การสแกนฝ่ามือ ( Palm Scan ) หรือ
การสแกนม่านตา ( Eye Scan ) เป็นต้น ใช้เป็นอุปกรณ์ที่ตรวจสอบลักษณะส่วนบุคคลทางชีวภาพ
เพื่อเป็นการยืนยันตัวบุคคล ( Authentic ) ประกอบกับการใช้รหัสผ่านเพื่ออนุญาตเข้าใช้โปรแกรม
ระบบงาน หรือ การเข้าใช้ห้องระบบคอมพิวเตอร์
๖.
การใช้งานระบบเรียกกลับ ( Callback System ) เป็นระบบที่ผู้ใช้ระบุชื่อและรหัสผ่านเพื่อขอเข้าใช้ระบบปลายทาง
หากข้อมูลถูกต้อง คอมพิวเตอร์ก็จะเรียกกลับให้เข้าใช้งานเอง
อย่างไรก็ตามการใช้งานลักษณะนี้จะมีประสิทธิภาพในด้านการรักษาความปลอดภัยมากขึ้น ถ้าผู้ขอใช้ระบบใช้เครื่องคอมพิวเตอร์จากอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่กำหนดหมายเลข
Mac Address , IP Address ตำแหน่งสถานที่เดิม เช่นที่บ้าน
หรือที่ทำงาน ซึ่งถูกล็อกด้วยหมายเลขโทรศัพท์เดิม ในขณะที่การใช้คอมพิวเตอร์แบบพกพา
เช่น Tables และ Smart Phones ซึ่งต้องใช้งานผ่านระบบ
3G / 4G หรือ WiFi อาจจะเกิดความเสี่ยงมากกว่า
จึงควรจะต้องมีระบบยืนยันตัวบุคคล ( Authentic ) อื่นๆ เพิ่มเติม
เพราะไม่สามารถระบุเจ้าของอุปกรณ์ที่แท้จริงได้ชัดเจน
๗.
การใช้งานเครือข่ายอินเตอร์เน็ตสาธารณะแบบไร้สาย (
Public WiFi ) หรือเครือข่ายอินเตอร์เน็ตไร้สายแบบฟรี ( Free
WiFi ) ซึ่งมีจุดบริการเชื่อมต่อ ( Service Set Identifier ; SSID ) อย่างแพร่หลายในสถานที่สาธารณะ เขตชุมชน
และย่านการค้าต่างๆ หากเข้าใช้งานอย่างไม่ระมัดระวังอาจจะมีโอกาสตกเป็นเหยื่อได้
นักเจาะระบบ สามารถติดตั้ง Access Point และใช้ชื่อ SSID ปลอมเป็นชื่อเดียวกันและมีความแรงของสัญญาณสูงกว่าของจริง
เพื่อหลอกให้ผู้ใช้งานหลงผิดเข้ามาใช้ระบบโดยไม่รู้ตัว ที่เรียกกันว่า Evil
Twin AP ซึ่งรหัสผ่าน หรือข้อมูลต่างๆ
จากอุปกรณ์พกพาอาจถูกดูดหรือคัดลอกไปใช้ในทางที่มิชอบได้ ดังนั้นการใช้งานดังกล่าวจะต้องมีความระมัดระวัง
รอบคอบ และมั่นใจในการใช้งานว่าได้ใช้งานในระบบ SSID ของจริง
๘.
การให้บริการเครือข่ายอินเตอร์เน็ตแบบไร้สาย ( WiFi
) ขององค์กร ควรจะต้องมีระบบยืนยันตัวบุคคล ( Authentic ) และระบบจัดเก็บข้อมูลการเข้าใช้งาน ( Log File ) เพื่อการตรวจสอบการใช้งาน
ควรกำหนดให้ใช้งานผ่านระบบการรักษาความปลอดภัย
เพื่อควบคุมการใช้งานและป้องกันไม่ให้บุคคลภายนอกองค์กร
หรือผู้ที่ไม่มีสิทธิเข้ามาใช้งาน ไม่ควรติดตั้งระบบ Free WiFi เพราะจะเป็นช่องทางให้นักเจาะระบบ หรือผู้ไม่ประสงค์ดีเข้ามาใช้งานในทางมิชอบ
และสามารถเจาะระบบเข้าถึงข้อมูลในองค์กรได้ ก่อให้เกิดความเสียหายตามมา
สำหรับผู้ใช้งานควรปฏิบัติตามกฎการรักษาความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด
และไม่ควรนำรหัสผ่านหรือสิทธิการใช้งานไปให้บุคคลอื่นเข้าใช้งานแทนตน
เพราะเมื่อเกิดความผิดพลาด ความเสียหายหรือเกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา
เจ้าของสิทธิในการใช้งานจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์
สรุปว่า
โดเมนที่ ๕ หรือ โลกไซเบอร์ ถือได้ว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบทางด้านการทหารทั้งด้านทางบวกและทางลบ
และยังมีผลกระทบต่อความมั่นคงของมนุษย์ทั้งทางตรงและทางอ้อม
ทั้งในด้านบวกและด้านลบเช่นกัน ดังนั้น การใช้ประโยชน์จาก โดเมนที่ ๕ หรือ โลกไซเบอร์ จะต้องคำนึงถึง มาตรการด้านการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์เป็นสำคัญ
เพราะด้านคุณประโยชน์ของ โดเมนที่ ๕ หรือ
โลกไซเบอร์ มีมากมายเหลือคณานับ
แต่การใช้งานจะต้องมีความตระหนักถึงภัยคุกคามที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
จะต้องมีความรู้ความเข้าใจในการใช้งานอย่างระมัดระวัง มีความรอบคอบ ไม่มักง่าย
สะเพร่า ประมาท เลินเล่อ เพียงเท่านี้ท่านก็สามารถใช้ประโยชน์จาก โดเมนที่ ๕ หรือ
โลกไซเบอร์ เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของมนุษย์ด้านไซเบอร์
ให้ได้รับหลักประกันด้านสิทธิในการใช้งานเช่นเดียวกับคนทั้งโลก
ความปลอดภัยในการใช้งานเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายหรือสูญเสียความเป็นส่วนตัว
การสนองตอบต่อความจำเป็นขั้นพื้นฐานในการใช้งานต่างๆ สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีเกียรติ
มีศักดิ์ศรี มีความทันสมัย ก้าวทันโลก ทันเทคโนโลยี และทันคน
ตลอดจนได้รับโอกาสอย่างเท่าเทียมกันในการที่จะนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาพัฒนาศักยภาพของตนเองให้มีศักยภาพ
มีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีคุณค่าเพิ่มมากขึ้น
----------------------------------------------------
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
http://www.acisonline.net/article/?p=33
http://www.ryt9.com/s/cabt/27187
http://statidea.blogspot.com/2010/12/10-social-network-services-facebook.html
http://pirun.kps.ku.ac.th/~b5127029/link7.html
http://steptip.blogspot.com/2013/08/free-wifi.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น