วันอังคารที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2561

การนำกำลังพลสำรองเข้าทำหน้าที่ทหารเป็นการชั่วคราว/กำลังพลสำรองไซเบอร์


การนำกำลังพลสำรองเข้าทำหน้าที่ทหารเป็นการชั่วคราว / กำลังพลสำรองไซเบอร์
โดย พลเอก ฤทธี  อินทราวุธ
ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงกลาโหม/
หัวหน้าคณะทำงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ กิจการอวกาศ  และไซเบอร์
-----------------------------------------
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี / รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มอบนโยบาย ในการประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 2 / 2561 เมื่อ 26 กุมภาพันธ์ 2561 ให้นำกำลังพลสำรองมาบรรจุเข้าทำ
หน้าที่ทหารเป็นการชั่วคราวตั้งแต่ยามปกติ ซึ่งคณะกรรมการข้าราชการทหารได้ดำเนินการรองรับต่อนโยบายดังกล่าว โดยยึดถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และกฎหมายที่มีอยู่ใน พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการทหาร พ.ศ.2521[1] มาตรา 4 / 1 ซึ่งบัญญัติว่า “กระทรวงกลาโหมอาจออกประกาศกำหนดให้รับบุคคลเข้าทำหน้าที่ทหารเป็นการชั่วคราวเพื่อปฏิบัติภารกิจใดเป็นการเฉพาะ โดยอาจเรียกชื่อและกำหนดตำแหน่งได้ตามความเหมาะสม และจะกำหนดให้มีชั้นยศทหารด้วยหรือไม่ก็ได้” และพิจารณาแนวทางในการใช้กำลังพลสำรองเข้าทำหน้าที่ทหารเป็นการชั่วคราว เพื่อวัตถุประสงค์ 3 ประการ คือ
ประการที่ 1 เพื่อให้หน่วยมีกำลังพลในระดับปฏิบัติการที่สดชื่นมีอายุน้อย และผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้ามาปฏิบัติหน้าที่อย่างต่อเนื่อง
ประการที่ 2 เพื่อประหยัดงบประมาณด้านบุคลากร และลดภาระผูกพันด้านงบประมาณในระยะยาว
ประการที่ 3 เพื่อแก้ปัญหากำลังพลสูงอายุในหน่วยกำลังรบ และหน่วยสนับสนุนการรบ
สำหรับแหล่งที่มาของบุคลากรประเภทดังกล่าว มาจากการรับสมัครจากกำลังพลสำรองที่มีรายชื่ออยู่ในบรรชีบรรจุกำลัง เพื่อเข้ารับการสอบคัดเลือกและทำสัญญาจ้างในตำแหน่งนายทหารสัญญาบัตร นายทหารประทวน และพลทหารประจำการ โดยสัญญาจ้างมีกำหนดเวลาไม่เกิน 8 ปี ซึ่งนายทหารสัญญาบัตรจะมีความก้าวหน้าได้ถึงชั้นยศ ร้อยเอก นายทหารประทวน จะมีความก้าวหน้าได้ถึงชั้นยศ จ่าสิบเอก มีการพิจารณาบำเหน็จประจำปี ใช้วิธีการเลื่อนชั้นเงินเดือนเช่นเดียวกับข้าราชการทหาร และได้รับเงินเดือนตามบัญชีอัตราเงินเดือนข้าราชการทหาร เมื่อกำลังพลดังกล่าวปฏิบัติงานจนครบตามสัญญาจ้างแล้ว จะได้รับเงินช่วยเหลือเป็นเงินก้อน โดนคำนวณจากเงินเดือนสุดท้ายคูณด้วยจำนวนปีรับราชการ คูณด้วย 2.5 เท่า
เจตนารมณ์ของ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี / รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ได้มอบนโยบาย ในการประชุมสภากลาโหม ให้นำกำลังพลสำรองมาบรรจุเข้าทำหน้าที่ทหารเป็นการชั่วคราวตั้งแต่ยามปกตินั้น ซึ่งเป็นการลดขั้นตอนการฝึกอบรมทางทหารของบุคคลพลเรือนทั่วไปที่จะมาบรรจุเข้าทำหน้าที่ทหารเป็นการชั่วคราว เพื่อต้องการให้มี “กำลังพลสำรองไซเบอร์” เพื่อตอบสนองนโยบายรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี ที่ได้ตั้งเป้าที่จะสร้างนักรบไซเบอร์ จำนวน 1,000 คน ในปี 2561[2] เพื่อเฝ้าระวังความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ แต่การกำหนดวัตถุประสงค์ในการรับสมัครจากกำลังพลสำรองที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีบรรจุกำลัง เพื่อแก้ปัญหากำลังพลสูงอายุในหน่วยกำลังรบ และหน่วยสนับสนุนการรบ จึงเป็นข้อจำกัดของแหล่งที่มาของบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถและความเชี่นวชาญไซเบอร์ รวมทึงข้อจำกัดด้านอายุกำลังพลสำรองที่มีอายุน้อย ส่วนใหญ่มักจะมีความรู้ความเเชี่ยวชาญและประสบการณ์ด้านไซเบอร์น้อยกว่ากำลังพลที่มีอายุมาก และวัตถุประสงค์ในการนำกำลังพลดังกล่าวไปใช้งาน เพื่อต้องการบรรจุกำลังพลสำรองไซเบอร์ปฏิบัติงานใน มิติการรบที่ 5 ( Cyber Domain ) ในศูนย์ไซเบอร์ของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กองบัญชาการกองทัพไทย และเหล่าทัพ ซึ่งเป็นหน่วยงานในส่วนบังคับบัญชาไม่ใช่หน่วยกำลังรบ และหน่วยสนับสนุนการรบ
กรณีนักศึกษาวิชาทหารหญิง ( นศท.หญิง ) หรือ รด.หญิง ที่จบปี 5 แล้วจะได้รับการแต่งตั้งยศ ว่าที่ร้อยตรีหญิง และจะพ้นสภาพ นายทหารสัญญาบัตรหญิง มีฐานะเป็นพลเรือนทันที ไม่สามารถสมัครเข้ามาเป็นกำลังพลสำรองได้ จึงไม่สามารถนำมาบรรจุลงในบัญชีบรรจุกำลังพลสำรองของหน่วยได้ โดยเฉพาะหน่วยงานด้านไซเบอร์ของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กองบัญชาการกองทัพไทย และเหล่าทัพ เมื่อหน่วยเหล่านี้ได้รับอนุมัติให้สามารถจัดทำบัญชีบรรจุกำลังพลสำรองของหน่วยได้ และนักศึกษาวิชาทหารหญิง ( นศท.หญิง ) หรือ รด.หญิง ที่จบปี 5 ที่ได้รับการแต่งตั้งยศ ว่าที่ร้อยตรีหญิง สามารถสมัครใจเข้ามาเป็นกำลังพลสำรองหญิงได้ หน่วยก็จะสามารถนำมาบรรจุลงในบัญชีบรรจุกำลังพลสำรองของหน่วยได้ ก็จะสามารถใช้คุณสมบัติการเป็นกำลังพลสำรองมาสมัครสอบคัดเลือกเข้ามาทำหน้าที่เป็นทหารชั่วคราวได้และพ้นสภาพการเป็นกำลังพลสำรองเช่นเดียวกับกำลังพลสำรองชาย
ดังนั้น แนวทางการนำขีดความสามารถผู้เชี่ยวชาญไซเบอร์พลเรือนมาใช้งานในกองทัพ ตามยุทธศาสตร์ไซเบอร์เพื่อการป้องกันประเทศกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2558 จึงควรพิจารณาเปิดโอกาสกว้างในการรับสมัครกำลังพลสำรองและบุคคลพลเรือนทั่วไปทั้งชาย-หญิง ให้สามารถสมัครสอบคัดเลือกเข้ามาทำหน้าที่เป็นทหารชั่วคราวได้ และทำสัญญาจ้างในตำแหน่งนายทหารสัญญาบัตร นายทหารประทวน และพลทหารประจำการ ตาม พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการทหาร พ.ศ.2521 มาตรา 4 / 1 โดยใช้หลักเกณฑ์เทียบเคียงคุณวุฒิทางการศึกษาเช่นเดียวกับการบรรจุพลเรือนเป็นข้าราชการทหาร และควรเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ในการรับบุคคลเข้าทำหน้าที่ทหารเป็นการชั่วคราว เพื่อบรรจุเป็นกำลังพลสำรองไซเบอร์ปฏิบัติงานใน มิติการรบที่ 5 ( Cyber Domain ) ในศูนย์ไซเบอร์ของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กองบัญชาการกองทัพไทย และเหล่าทัพ
-------------------------------------------
อ้างอิง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น